นายธัญชาติ กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ SCN กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะนำนวัตกรรมเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติที่บริษัทเป็นเจ้าของสิทธิบัตรไปต่อยอดสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่แนวนอกท่อก๊าซฯ และมีความต้องการใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปดำเนินการติดตั้งเครื่องลดความดันก๊าซฯให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงได้
ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้บริการตั้งแต่การสูบอัดก๊าซฯจากท่อก๊าซฯของบมจ.ปตท.(PTT) จนถึงลูกค้าปลายทาง ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจสถานีบริการก๊าซฯหลักเพื่อให้บริการอัดก๊าซฯแก่ปตท. พร้อมบริการขนส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) จากสถานีก๊าซฯหลักไปยังสถานีบริการลูกของปตท.ที่ไม่ได้อยู่ตามแนวท่อก๊าซ (Gas Supply Chain & Logistics) และให้บริการขนส่งก๊าซฯให้แก่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงยังเป็นผู้ออกแบบ รับเหมา ติดตั้งและซ่อมอุปกรณ์ตามสถานีก๊าซ NGV และอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบก๊าซธรรมชาติอื่นๆ
"จากแผนการดำเนินงานในปีนี้ ที่เรามีเป้าหมายขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่นอกแนวท่อก๊าซฯให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทเติบโตในปีนี้ได้ 20% ตามเป้าที่วางไว้" นายธัญชาติ กล่าว
นายธัญชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 57 บริษัทมีรายได้ ซึ่งรวมรายได้จากการขายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2,112 ล้านบาท และกำไรสุทธิทำได้ 401.31 ล้านบาท โดยกำไรดังกล่าวรวมกับกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Solar Farm จำนวน 159.9 ล้านบาทแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะกำไรจากการดำเนินกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติครบวงจร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทจะมีกำไรสุทธิในปี 57 อยู่ที่ 228.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"รายได้และกำไรสุทธิจากการดำเนินกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติอย่างครบวงจรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มาจากการส่งมอบงานธุรกิจออกแบบ รับเหมา ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ก๊าซ NGV ได้ตรงตามกำหนด รวมทั้งรายได้จากการให้บริการสูบอัดก๊าซจากท่อก๊าซธรรมชาติของ ปตท. จนถึงลูกค้าปลายทางยังมีอัตราการเติบโตได้ดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติของ SCN ได้เป็นอย่างดี" นายธัญชาติ กล่าว