LANNA เล็งสรุปซื้อเหมืองถ่านหินอินโดฯ 1 แห่งปีนี้,รุกธุรกิจโรงไฟฟ้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 6, 2015 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA) ปรับกลยุทธ์การลงทุนรับแนวโน้มธุรกิจถ่านหินยังตกต่ำ โดยรอจังหวะเข้าลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียอย่างน้อย 1 แห่งภายในปีนี้ คาดจะใช้เงินไม่เกิน 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมรุกธุรกิจไฟฟ้าเข้ามาเสริมหวังช่วยหนุนผลประกอบการ โดยให้ความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าจากถ่านหินในอินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทย ขณะที่ย้ำจะพยายามทำกำไรในธุรกิจถ่านหินให้ได้ในปีนี้ ส่วนกำไรจากเอทานอลยังดีต่อเนื่องจากปีก่อน
"เรามองหาธุรกิจเข้ามา support เราด้วย เพราะถ้าทำถ่านหินอย่างเดียวเมื่ออยู่ในช่วงขาลง ไม่มีธุรกิจเข้ามาเสริมก็จะกระทบได้ ปีที่แล้วถ้าเราไม่มีเอทานอล ผลประกอบการก็จะไม่ดีทำให้เรามองหาธุรกิจเข้ามาเสริมนอกเหนือจากการทำถ่านหินอย่างเดียวซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าราคาถ่านหินจะฟื้นเมื่อไหร่"แหล่งข่าวระดับสูง ของ LANNA กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเหมืองขนาดกลางที่มีปริมาณสำรองราว 20-30 ล้านตัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยน่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 แห่งในปีนี้ พร้อมทั้งศึกษาโครงการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซียด้วย โดยมีพันธมิตรมาชักชวนร่วมลงทุน เนื่องจากบริษัทมีเหมืองถ่านหินเป็นของตนเองที่จะรองรับการผลิตไฟฟ้าได้ แต่โครงการยังไม่มีความชัดเจนมากนัก เพราะต้องศึกษารายละเอียดเนื่องจากใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง

นอกจากนั้น บริษัทยังให้ความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทยด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการร่วมสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานภายในของกลุ่มบริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มากในระดับหลักร้อยล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายจะลดต้นทุนการผลิตและจำหน่ายถ่านหินให้สอดคล้องกับราคาถ่านหินที่มองว่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยังมีอุปทานส่วนเกินอีกมาก เบื้องต้นตั้งเป้าปริมาณขายถ่านหินในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 5-6 ล้านตัน แต่ขึ้นกับสถานการณ์ของราคาด้วย หากราคาปรับตัวสูงขึ้นก็อาจเร่งขายถ่านหินออกมามากขึ้น แต่หากราคาลดต่ำลงอีกก็อาจจะเก็บปริมาณสำรองถ่านหินไว้ด้วยการลดการผลิตลง อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงพยายามทำให้ธุรกิจถ่านหินทำกำไรให้ได้

ส่วนธุรกิจเอทานอล คาดว่าจะยังคงสามารถทำกำไรได้ดี คาดว่าราคาขายจะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว ขณะที่คาดผลผลิตอ้อยในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาวัตถุดิบกากน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบมจ.ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่(TAE) กำลังขออนุญาตนำน้ำตาลทรายดิบมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลร่วมกับกากน้ำตาล เพื่อให้มีวัตถุดิบที่จะใช้ผลิตเอทานอลได้มากขึ้น และสามารถทำกำไรได้ดีเช่นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ TAE ยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลงทุนผลิตน้ำเชื่อม (High Test Molasses) เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล ซี่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตเอทานอลต่ำลงในอนาคตด้วย

อนึ่ง LANNA แจ้งผลประกอลบการปี 57 มีกำไรสุทธิ 430.47 ล้านบาท ลดลง 15.16% จากปีก่อนหน้า โดยส่วนนี้เป็นกำไรจากธุรกิจถ่านหิน 225.89 ล้านบาท ลดลง 39% และกำไรจากธุรกิจเอทานอล 143.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากปีก่อนหน้า

LANNA มีฐานการผลิตและจัดจำหน่ายถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย โดยถือหุ้น 55% ในเหมือง LHI โดยมีปริมาณสำรองถ่านหินคงเหลือไม่ต่ำกว่า 64 ล้านตัน และมีกำลังการผลิตถ่านหินออกจำหน่ายปีละประมาณ 3 ล้านตัน และถือหุ้น 65% ในเหมือง SGP คาดว่ามีปริมาณสำรองถ่านหินคงเหลือไม่ต่ำกว่า 45 ล้านตัน โดยมีกำลังการผลิตถ่านหินออกจำหน่ายปีละประมาณ 3 ล้านตัน ขณะเดียวกัน LANNA ยังถือหุ้น 51% ใน TAE ซึ่งทำธุรกิจเอทานอลด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ