เป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้กลุ่มคอนโดฯ SIRI คาดการณ์ยอดขาย 2.2 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 8 โครงการ มูลค่ากว่า 2.1 หมื่นล้านบาท โดยมีไฮไลท์เป็นโครงการร่วมทุน BTS ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหมอชิตเปิดตัวไตรมาส 2/58 และโครงการสำคัญบนถนนวิทยุบุกตลาด Super Luxury กลางปีนี้ ส่วนรายได้ตั้งเป้า 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดขายรอโอน(backlog)ณ สิ้นเดือน ก.พ.58 แล้ว 1.8 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของเป้าหมาย และตั้งงบซื้อที่ดินราว 7 พันล้านบาทเพื่อใช้รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในอนาคต
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม SIRI เปิดเผยว่า แผนการรุกตลาดคอนโดฯปี 58 จะเน้นการพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะทำเลติดเส้นทางรถไฟฟ้าที่บริษัทเป็นผู้นำตลาดมายาวนาน รวมถึงครอบคลุมกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา
ในปีนี้บริษัทจะดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Engineer for Growth อย่างต่อเนื่องหลังเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและชัดเจนจากอัตรากำไรในปีที่ผ่านมาที่เพิ่มสูงใกล้เคียงเป้าหมายที่ 12% โดยบริษัทวางแผนการพัฒนาคอนโดฯประมาณ 8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 21,000 ล้านบาท
“บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแนวคิดการใช้ชีวิตแบบ “Urban Slow Living" ในโครงการ “HASU HAUS" ที่เปิดการขายในช่วงปลายปีที่ผ่านมานอกจากนี้บริษัทยังสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชาวจีนที่มีจำนวนยูนิตซื้อสูงที่สุด และ ชาวรัสเซียที่มีมูลค่าการซื้อสูงที่สุด"นายอุทัย กล่าว
สำหรับโครงการที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติค่อนข้างมากในปีที่แล้ว อาทิ โครงการบ้านไม้ขาว ภูเก็ต และ เดอะ เดค ป่าตอง ภูเก็ต เป็นต้น ขณะที่โครงการเดอะ เบส พาร์ค อีสต์ในกรุงเทพฯ ก็ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติในการซื้อเพื่อลงทุน ซึ่งความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัว Rental for the Holidays โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดบริการให้เช่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติในปีที่ผ่านมา ดึงดูดให้ลูกค้าต่างชาติสนใจซื้อคอนโดฯ ตากอากาศของบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เข้ามาพักผ่อนในเมืองไทย ซึ่งมีลูกค้าใช้บริการแล้วกว่า 900 ราย กลุ่มที่สนใจเช่าระยะยาวสูงสุด คือ ชาวรัสเซีย
"บริษัทจึงได้เตรียมเปิดตัว Plus Concierge (พลัส คอนเซียร์จ) ซึ่งเป็นที่สุดของบริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าแสนสิริและกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดและรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งบริการหลักเพิ่มเติม ภายใต้การบริหารงานของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทลูก โดยเตรียมเปิดให้บริการใน 6 จังหวัดทั่วประเทศเร็วๆ นี้"นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายคอนโดฯจากลูกค้าต่างชาติได้ถึง 6% ของยอดขายรวมในปีที่ผ่านมาและตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปีนี้ ซึ่งทั้งปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายคอนโดฯรวมไว้ประมาณ 22,000 ล้านบาท จากเป้ายอดขายรวมของ SIRI 30,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้จากคอนโดฯ ที่ 22,000 ล้านบาท จากเป้าหมายรายได้รวม 34,000 ล้านบาท ซึ่งปีก่อนมีรายได้จากคอนโดฯราว 1.5 หมื่นล้านบาท จากรายได้รวม 2.9 หมื่นล้านบาท
"เชื่อว่าต่างชาติจะสนใจไทย จากที่จะเปิด AEC ซึ่งไทยเป็น hub ของอาเซียน เรามีลูกค้าทั้งจีน รัสเซีย อังกฤษ ออสเตรลีย รวมไปถึงฝรั่งเศส ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติราว 3.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของยอดขายรวม"นายอุทัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทมี backlog แล้วราว 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของเป้ารายได้คอนโดฯ จึงเหลือยอดขายและยอดโอนที่จะต้องทำให้ได้อีก 20% หรือ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมี backlog รวมทุกประเภทราว 65% จากเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ 34,000 ล้านบาท
แผนการพัฒนาคอนโดฯในปี 58 บริษัทจะตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยการเน้นพัฒนาคอนโดฯระดับพรีเมียมในทำเลติดแนวรถไฟฟ้าในทำเลย่านธุรกิจและสถานีบีทีเอสที่น่าสนใจในหลายทำเล โดยจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/58 คือ คอนโดฯ “The Monument"ห่าง 300 เมตรจาก BTS สนามเป้า มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดตัวโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) เปิดตัว “The Line"จตุจักร – หมอชิตในไตรมาส 2/58 แนวคิด Location is Everything มูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท ภายใต้ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน จำกัด
ส่วนโครงการมูลค่าสูงบนถนนวิทยุ ย่านเพลินจิตนั้น คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ โดยจะเป็นโครงการระดับ Super Luxury ที่มีราคาขายค่อนข้างสูงตามต้นทุนราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมเปิดให้บริการ “ฮาบิโตะ" (Habito) คอมมูนิตี้ รีเทล แนวคิดใหม่ ขนาด 10,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 4 ไร่ของที77 (T77) ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าที่หลากหลายและเหมาะสมกับประเภทของธุรกิจ ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ เสริมความงาม ร้านขายยา และ co-working space กว่า 30 ร้านค้า ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 35-700 ตารางเมตร ภายใต้สโลแกน “Habito: The Heart of Good Living" หนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้
ในปีนี้บริษัทเตรียมส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จให้แก่ลูกค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดอีกถึง 17 โครงการ จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในมือ จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาราว 47 โครงการ มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมเงินอีก 7 พันล้านเพื่อใช้ซื้อที่ดินแปลงใหม่รองรับการพัฒนาโครงการคอนโดฯในอนาคตที่ประเมินมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายอุทัย กล่าวอีกว่า บริษัทประเมินว่าตลาดคอนโดฯ ในปีนี้จะมีการปรับขึ้นราคาขายราว 3-4% จากปีก่อนที่มีการปรับขึ้นราคาราว 6-7% ส่วนใหญ่จะยังเป็นการพัฒนาโครงการในกทม.และปริมณฑล เพราะขณะนี้กำลังซื้อในต่างจังหวัด นอกเหนือจากจังหวัดท่องเที่ยวยังไม่กลับมา เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและหนี้ครัวเรือนยังสูง แต่เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลลงทุนเพิ่มขึ้นก็น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง 0.25% คาดว่าจะทำให้อำนาจซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2% เห็นได้จากยอดขายในไตรมาส 1/58 ดีกว่าไตรมาส 4/58
ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจชะลอการพัฒนาคอนโดฯ ใหม่ในต่างจังหวัด โดยเลือกถือที่ดินในมือไว้รอให้กำลังซื้อกลับมาก่อน เพราะมีต้นทุนค่าที่ดินไม่สูงมากนัก และปีนี้มองว่าตลาดบนและกลางยังไปได้ดี บริษัทจึงเน้นการพัฒนาโครงการใหม่ในกทม-ปริมณฑลในระดับ B+ ขึ้นไป