(เพิ่มเติม) VTE เผยปีนี้เริ่มรับรู้ฯเหมืองถ่านหินชัดเจน-มี backlog ราว 600 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 27, 2015 18:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วินเทจ วิศวกรรม(VTE) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากเหมืองถ่านหินที่ลงทุนไปอย่างชัดเจน จากที่บริษัทเข้าถือหุ้นบริษัท SMI ผู้ประกอบเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย จำนวน 4 เหมือง ด้วยมูลค่าการลงทุน 600 ล้านบาท โดยมีอายุสัญญาสัปทาน 7 ปี และมีปริมาณสำรองถ่านหิน 50 ล้านตัน ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog)แล้ว 600 ล้านบาท และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการยื่นเสนอราคาอีกหลายโครงการ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้

ปี 58 คาดรายได้รวมของบริษัทจะเติบโตมากกว่า 100% หรือมากกว่า 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 500 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจถ่านหินที่บริษัทเข้าถือหุ้นในผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในอินโดฯ 4 เหมือง ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามากว่า 500 ล้านบาทในปีนี้จากปีก่อนราว 10 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเดิมคือวางระบบวิศวกรรมที่ปีนี้คาดทรงตัวรายได้ราว 500 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน

ขณะที่ผลประกอบการคาดว่าพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป หลังรับรู้รายได้จากธุรกิจถ่านหินและจะทำให้ทั้งปี 58 พลิกเป็นกำไรสุทธิได้จากปี 57 ขาดทุนสุทธิ 358 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลขาดทุนจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้อยค่าจากเงินลงทุนบริษัทร่วม ไม่ใช่ขาดทุนจากการดำเนินงาน

"ปี 57 รับรู้รายได้จากธุรกิจถ่านหินประมาณ 10 ล้านบาท แต่ปีนี้จะรับรู้ฯราว 500 กว่าล้านบาท จากที่เราเข้าไปร่วมถือหุ้นในผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินอินโดฯ 4 เหมือง ปีนี้จะรับรู้รายได้เต็มปี ก็จะทำให้บริษัทเริ่มมีกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 2-3/58 เป็นต้นไป แต่ไตรมาส 1 อาจจะยังติดลบเพราะเป็นช่วงหน้าฝนของอินโดฯ" นายโสรัจ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลขาดทุนสะสมอยู่ราว 800 ล้านบาท คาดจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีนี้ โดยปัจจุบันมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นอยู่เพียงพอ ก็จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเงินลงทุนราว 2,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ โดยมองที่ธุรกิจพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ และชีวมวล เป็นลักษณะการเข้าไปร่วมลงทุนถือหุ้น โดยอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายรายทั้งในและต่างประเทศแถบเอเชียก่อน เงินจะมาจากการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม(RO) และผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) โดยคาดว่าจะได้เงินจาก 2 แหล่งนี้ราว 600 กว่าล้านบาท เม็ดเงินจะเข้าช่วงมิ.ย.นี้ และบริษัทยังสามารถกู้เพิ่มได้อีกราว 1,200 ล้านบาท เพราะปัจจุบัน DE เพียง 0.73 เท่า ซึ่งบริษัทมีหนี้น้อยมาก และหลังจากเพิ่มทุนแล้ว DE จะลดเหลือ 0.3 เท่ากว่าๆ

สำหรับงานวิศวกรรมบริษัทได้ยื่นประมูลงานใหม่ไปแล้ว 2-3 โครงการ รวมมูลค่า 500 ล้านบาท เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ คาดรู้ผลปีนี้

นายโสรัจ กล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปลงทุนในเหมืองถ่านหินในอินโดเพิ่มเติม โดยสรุปแล้ว 2 แห่ง เพิ่มจากที่ลงทุนอยู่แล้ว 4 เหมือง

ส่วนโครงการร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่พม่า เฟสแรกเริ่มก่อสร้าง 50 เมกะวัตต์ ราวเดือนก.ค.นี้ และก่อสร้างเสร็จเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้กลางปี 59 บริษัทก็จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในครึ่งหลังปี 59 จากนั้นก็จะทยอยก่อสร้างจนครบ 220 เมกะวัตต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ