TICON วางแผน 5 ปี(58-62)ลงทุน 5 หมื่นลบ.ขยายพื้นที่ใน-ตปท.1.46 แสนตรม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 30, 2015 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)เปิดเผยวา บริษัทวางแผนการลงทุนช่วง 5 ปี(ปี 58-62)ภายใต้งบลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม ภายใต้เป้าหมายการขยายพื้นที่ 146,000 ตารางเมตร โดยมองการลงทุนในอินโดนีเซียจะเป็นประเทศแรก
"จะเป็นการทยอยพัฒนา ปีละ 40,000-50,000 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดจะเสร็จในช่วง 3-4 ปี ส่วนสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศคาดว่าจะยังไม่เยอะมาก เพราะอินโดนีเซียเพิ่งเริ่ม โดยสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน่าจะอยู่ประมาณ 5%"นายวีรพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรภายในเดือน เม.ย.นี้ และจะเห็นความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2/58

“ที่เราเลือกขยายการลงทุนในการพัฒนารงงานและคลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก เพราะเราเห็นถึงศักยภาพและดีมานด์ของผู้ประกอบการต่างๆที่ยังต้องการอยู่มาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ในอินโดนีเซียที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นโอกาสที่ดีของเราที่จะเข้าไปในตลาดที่มีศักยภาพและมีความต้องการ"นายวีรพันธ์ กล่าว

ด้านนายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค(TPARK) กล่าวเสริมว่า บริษัทคาดว่าภายในปี 59 จะมีความชัดเจนในการขยายการลงทุนพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าในพม่าและเวียดนาม โดยขณะนี้บริษัทเข้าไปศึกษาพื้นที่ในการลงทุนในทั้ง 2 ประเทศ คาดว่าในพม่าจะสามารถลงทุนได้เอง จากที่บริษัทสนใจเข้าลงทุนในเขตอุตสาหกรรมของเมืองย่างกุ้งที่ได้มีการสำรวจและศึกษาพื้นที่ไว้แล้ว เพราะมองว่าพม่านำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีความต้องการใช้คลังสินค้าค่อนข้างมาก

ส่วนรูปแบบการลงทุนในเวียดนามอาจจะต้องมีการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น เนื่องจากมีเงื่อนไขทางกฏหมายของเวียดนามบางอย่างที่ทำให้บริษัทไม่สามารถลงทุนเองได้ทั้งหมด ซึ่งเมืองที่บริษัทมีความสนใจนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะอยู่ระหว่างการศึกษาและสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพ

นายวีรพันธ์ ยังเปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ว่า คาดว่ากำไรสุทธิจะสูงขึ้นกว่าปี 57 ที่มีกำไรสุทธิ 761.74 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10% จากปี 57 ที่มีรายได้รวม 6.16 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนขยายพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มในปีนี้ 350,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่เช่าโรงงาน 100,000 ตารางเมตร และคลังสินค้า 250,000 ตารางเมตร โดยใช้งบลงทุนรวม 6 พันล้านบาท แบ่งเป็นการขยายพื้นที่โรงงาน 1.5 พันล้านบาท และขยายคลังสินค้าแบบ Ready Built และ Built to Suit จำนวน 4.5 พันล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่ให้เช่ารวม 2.2 ล้านตารางเมตร จากโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าทั้งหมด 50 โครงการ จำนวน 707 ยูนิต ขณะที่บริษัทมีที่ดินอีกกว่า 5,000 ไร่ที่พร้อมนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่โรงงานและคลังสินค้า เพื่อทำให้พื้นที่รวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านตารางเมตร โดยโครงการ TPARK ขอนแก่นอยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าเฟสแรกพื้นที่เช่า 10,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/57 และโครงการ TPARK ลำพูน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดบริการในช่วงไตรมาส 4/58

ด้านผลการดำเนินงานนไตรมาส 1/58 ของบริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามาเช่าคลังสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเข้ามาเช่าคลังสินค้าแล้วกว่า 60,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนระดมทุนด้วยการขายสินทรัพย์ที่เป็นโรงงานและคลังสินค้ากลุ่ม TICON เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)ชื่อ TREIT มูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนการแปลงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่ม TICON ที่มีอยู่ 3 กอง มูลค่าสินทรัพย์รวมราว 2.29 หมื่นล้านบาท เข้ากอง TREIT เพิ่มเติมนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอความชัดเจนเรื่องภาษีการแปลงกองการกรมสรรพากรเท่านั้น

อีกทั้งบริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดอายุในช่วงกลางปี 58 มูลค่า 2.5 พันล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออกในช่วงกลางปีนี้จะมีมูลค่า 2-3 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี

สำหรับการขายไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่ TPARK ร่วมทุนกับ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) ในสัดส่วน 51:49 ด้วยการนำแผงโซลาร์มาติดบนคลังสินค้าของ TPARK ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 0.9 เม็กกะวัตต์ ขณะนี้ได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว แต่รายได้ยังไม่ได้มีผลอย่างมีนัยสำคัญกับรายได้รวมของ TICON อีกทั้งหากภาครัฐมีการเปิดประมูลสัมปทานโซลาร์รูฟท็อปออกมาอีก บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าประมูลเพิ่มเติม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ