บลจ.กสิกรฯ ออกกองทริกเกอร์เป้า 6%ใน 1 ปี พร้อมออกกองตราสารหนี้ตปท.เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 31, 2015 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย มั่นใจหุ้นไทยเติบโตมองดัชนีปลายปี 1,700 จุด พร้อมส่งกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิล ทริกเกอร์ 3 (KTFT3) ตั้งเป้าโอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 6.0% ภายใน 1 ปี พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนแรกก่อนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3.0% เปิดเสนอขายครั้งเดียว 1-2 เม.ย.นี้

ช่วงเวลานี้นับว่าเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,500 จุด โดยวันที่ 30 มีนาคม 2558 ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,496.51 จุด เนื่องจากในระยะสั้น ตลาดจะยังมีความผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้า โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการของรัฐบาลในเรื่องของแผนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย และส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในอนาคต นอกจากนี้ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์มาจากสภาพคล่องในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง จากการดำเนินมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น หรือจากการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางหลายแห่ง อาทิ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย

ดังนั้นในจังหวะนี้แนะนำให้ผู้ลงทุนสามารถทยอยสะสมเข้าลงทุนในหุ้นไทย เพื่อโอกาสรับผลกำไรจากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยได้ โดยคาดการณ์เป้าดัชนีหุ้นไทยปลายปี 58 ที่ระดับ 1,700 จุด ด้วยอัตราส่วน P/E ที่ระดับ 16.5 เท่า และมองแนวโน้มอัตราการเติบโตของผลกำไรปกติของบริษัทจดทะเบียนที่ 12%

สำหรับกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิล ทริกเกอร์ 3 (KTFT3) มีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท นโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นไทย แต่สามารถลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝากได้ โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0%-100% ตามสภาวะตลาดที่เหมาะสมในแต่ละขณะ โดยกองทุนมีเป้าหมายผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 6%* ภายในระยะเวลา 1 ปี พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.30 บาท ต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 3.0% และครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนโดยอัตโนมัติเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอีกประมาณ 3.0%*

อย่างไรก็ตาม หากภายในปีแรก มูลค่าหน่วยลงทุนไม่สามารถปรับขึ้นไปถึงเป้าหมายที่ระดับดังกล่าวได้ ในปีถัดไปนักลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนออกมาได้ ทั้งนี้กองทุนจะกำหนดเป้าหมายใหม่ โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.30บาท* (หมายเหตุ: *เป็นเพียงเป้าหมายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดเพื่อเลิกกองทุนเท่านั้น ไม่ใช่ตัวประมาณการหรือรับประกันอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงอาจจะได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่อ้างถึง)

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถลงทุนกับกองทุน KTFT3 ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-7 เม.ย.58 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ จำนวน 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเค (KFF6MBK) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท, กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอ็กซ์ (KEFF3MX) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.30% ต่อปี, กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอวาย (KEFF6MAY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.35% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอไอ (KEFF1YAI) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยทั้ง 3 กองทุนหลัง ผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ