นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท.เปิดเผยว่า ตลท.ร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ สภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ริเริ่มโครงการส่งเสริมการลงทุนสู่ภูมิภาค “New Frontier Roadshow:ปักธงลงทุนหุ้นทั่วไทย" ขึ้น เพื่อให้ข้อมูลการลงทุนเข้าถึงผู้ลงทุนภูมิภาคอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ลงทุนเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ลงทุนคุณภาพแล้ว ยังคาดว่าจะมีผู้ลงทุนในภูมิภาคเพิ่มขึ้นประมาณ 40,000 รายในปี 58 หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ เนื่องจากในปัจจุบันเศรษฐกิจในภูมิภาคมีการขยายตัวและเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง (urbanization) โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้รับอานิสงค์จากการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนและการคมนาคม สร้างโอกาสการขยายธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ โดยใน 2 ปีที่ผ่านมา เกือบ 20% ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคและมีมูลค่าระดมทุนถึง 14,380 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ประชาชนในส่วนภูมิภาคเกิดการตื่นตัวและให้ความสำคัญต่อการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ และให้ความสนใจเรื่องการลงทุนและการบริหารการเงินการลงทุนส่วนบุคคลมากขึ้น ปัจจุบัน มีผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ประมาณ 1,134,500 ราย (ก.พ. 2558) ในจำนวนนี้เป็นผู้ลงทุนในต่างจังหวัดกว่า 200,000 รายหรือประมาณ 18% ซึ่งกลุ่มผู้ลงทุนต่างจังหวัดมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคือเฉลี่ย 16% ต่อปี จากก่อนหน้าที่เติบโตเพียงไม่ถึง 10% ต่อปี
ด้านนายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ เลขาธิการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทหลักทรัพย์ได้มีการขยายธุรกิจโดยขยายสาขาการให้บริการไปสู่ภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยได้ร่วมส่งเสริมความรู้ผู้ลงทุนและเพิ่มศักยภาพผู้แนะนำการลงทุนในภูมิภาคเพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ลงทุนที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นมาโดยตลอด แต่ด้วยพัฒนาการของผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เทคโนโลยีและเครื่องมือบริการด้านการซื้อขายที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผู้ลงทุนจึงต้องมีทักษะและข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง ซึ่งความร่วมมือจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ลงทุนที่จะมีโอกาสรับบริการ ข้อมูล คำปรึกษาการลงทุนจากผู้แนะนำการลงทุนมืออาชีพ
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปในส่วนภูมิภาคเป็นโอกาสของธุรกิจการค้าในภูมิภาค การเชื่อมโยงและผนึกกำลังกันของเครือข่ายต่างๆ และถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังส่วนท้องถิ่นจึงเป็นการติดอาวุธให้กับภาคธุรกิจ เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการและขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ มีส่วนช่วยให้ประเทศชาติก้าวเดินได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกัน การบริหารเงินที่เป็นระบบจะต่อยอด ไปยังการทำการค้าและการดำเนินธุรกิจในอนาคต ซึ่งหอการค้าไทยจะร่วมเป็นแกนหลักสำคัญในการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้นี้แก่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และประชาชนในส่วนภูมิภาค รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนยังเครือข่ายออนไลน์ของหอการค้าต่างๆ อีกด้วย
นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม GDP ของประเทศมาจากต่างจังหวัดสูงถึงเกือบ 7 ล้านล้านบาทและมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในด้านขยายธุรกิจ ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวให้พร้อมรับกับโอกาสการเติบโตนี้ ที่ผ่านมาสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการ โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะขยายผลไปถึงภาคประชาชน อีกทั้งจังหวัดเป้าหมายทั้ง 26 จังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ร่วมกับภาครัฐและภาคธุรกิจในการพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการค้าและอุตสาหกรรมเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเพื่อเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมในกลุ่มอาเซียนด้วย