ทริสคงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ของ PS ที่ "A" แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 16, 2015 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ที่ระดับ “A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปจ่ายคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในเดือนมิถุนายน 2558

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่ช่วยประกันรายได้ของบริษัทในอนาคตได้ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง ตลอดจนความกังวลในการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงและความต้องการที่อยู่อาศัยซบเซา

บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2536 โดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2548 ณ เดือนมีนาคม 2558 กลุ่มตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 69% ของหุ้นทั้งหมด ณ เดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาอยู่เป็นจำนวนมากประมาณ 200 โครงการ ที่อยู่อาศัยของบริษัทเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังจะเพิ่มสินค้าในระดับราคาที่สูงขึ้นเพื่อขยายโครงสร้างสินค้าของบริษัทและตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) รวมทั้งสิ้นประมาณ 83,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 39,000 ล้านบาท

ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากการใช้เทคโนโลยีชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปและการบริหารจัดการงานก่อสร้างโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวโดยบริษัทเอง ทั้งนี้ ชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปที่ผลิตได้เป็นจำนวนมากช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขายที่ได้เปรียบคู่แข่งและเพิ่มรอบในการผลิตสินค้าของบริษัท

ยอดขายของบริษัทในปี 2557 ลดลงเล็กน้อยเป็น 39,089 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 5% จากปีที่แล้ว โดยยอดขายจากทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 8% และ 20% จากปีที่แล้ว ตามลำดับ ในขณะที่ยอดขายจากคอนโดมิเนียมลดลง 34% จากปีที่แล้ว ยอดขายในช่วง

ไตรมาสแรกของปี 2558 เท่ากับ 12,761 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมากจาก 8,194 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2557 เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวนมากในปี 2558 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมียอดขายที่แข็งแกร่งขึ้นในปี 2558 บริษัทมีรายได้รวมในปี 2557 อยู่ที่ 42,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ของบริษัทในปี 2557 มากเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเป็นสถิติใหม่ของรายได้สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ยอดโอนของบริษัทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้นประมาณ 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2558 ถึงปี 2560 นั้นมียอดขายรอการส่งมอบซึ่งประกันการรับรู้รายได้จำนวน 24,000 ล้านบาทในปี 2558 8,400 ล้านบาทในปี 2559 และ 3,500 ล้านบาทในปี 2560

อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 18%-21% ในช่วงปี 2553-2557 แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานได้ไม่ต่ำกว่า 18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในช่วงปี 2553-2556 อยู่ที่ 47% ถึง 55% อัตราส่วนดังกล่าวดีขึ้นเป็น 45% ในปี 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทไม่ควรสูงเกินกว่า 55% แม้ว่าบริษัทยังคงมีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุก สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 26% ในปี 2556 และ 30% ในปี 2557 นอกจากนี้ ณ เดือนธันวาคม 2557 บริษัทมีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวนมากถึง 25,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวนมากได้ตามแผน และจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่า 55%

แนวโน้มอันดับเครดิตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและผลการดำเนินงานของบริษัท ผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจะส่งผลดีต่ออันดับเครดิต อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวและระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงยังคงเป็นปัจจัยที่ท้าทายสำหรับบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ