BAY ประกาศแผนธุรกิจ 3 ปีพร้อม 3 กลยุทธหลักก้าวสู่กลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 28, 2015 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป(MUFG)ประกาศแผนธุรกิจ 3 ปี(ปี 58-60)ในการขับเคลื่อนธนาคารและบริษัทในเครือก้าวสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำในไทย ด้วยยุทธศาสตร์สำคัญ 3 กลยุทธ์หลักคือ 1) ผลักดันการเติบโตของสินทรัพย์ 2) เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม 3) ลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากการคงความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ และฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น ภายใต้แนวคิดในการดำเนินธุรกิจโดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

“กรุงศรีได้จัดทำแผน 3 ปี ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค กฎระเบียบของทางการ และโอกาสในการขยายธุรกิจ กอปรกับกลยุทธ์เพื่อการเติบโตระดับสากลของ MUFG"นายโกโตะ กล่าว

ทั้งนี้ หนึ่งในยุทธศาสตร์ตามแผน 3 ปี (58-60) คือการผลักดันการเติบโตของสินทรัพย์จากปัจจุบันมีสินทรัพย์รวม ณ 31 มี.ค. 58 อยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท โดยธนาคารมองถึงการซื้อกิจการเข้ามาเพิ่มเพื่อเป็นการขยายขนาดของสินทรัพย์ของธนาคารให้เติบโตขึ้น หากว่ามีข้อเสนอที่ดีเข้ามาและธนาคารมีความสนใจและไม่ปิดโอกาสในการเข้าซื้อกิจการใหม่เข้ามาเพิ่มเติม

นายโกโตะ กล่าวว่า สำหรับ MUFG oyho ภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดที่สำคัญเป็นอันดับที่สองรองจากญี่ปุ่น กรุงศรีจึงเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับการขยายธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของ MUFG ในเอเชีย ซึ่ง BAY จะต่อยอดความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าบรรษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ รวมถึงฐานลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว อีกทั้งใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ MUFG ในธุรกิจ Global Markets ธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศและสินเชื่อซัพพลายเชน

สำหรับกลุ่มธุรกิจธนพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC) ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อต้นปีนั้น BAY สามารถต่อยอดความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในกลุ่มลูกค้าบรรษัทญี่ปุ่น ด้วยประโยชน์จากเครือข่ายสาขาและฐานลูกค้าในประเทศของกรุงศรี ทั้งนี้ ในกลุ่มลูกค้าบรรษัทข้ามชาติ เรามีเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารที่ได้รับการชื่นชอบมากที่สุดจากบรรษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจในไทย ด้วยกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายธุรกิจระดับสากลของ BTMU

ในส่วนของธุรกิจรายย่อย BAY ตั้งเป้าที่จะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย อีกทั้งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ผ่านนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ผนวกกับกลยุทธ์ในการเป็นพันธมิตรกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่กลยุทธ์ในการรุกธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV นั้น BAY จะเป็นหัวขบวนในการขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อการบริโภคและไมโครไฟแนนซ์ ขณะเดียวกันก็จะใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายของ BTMU ในการให้บริการทางการเงินสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ยกเว้นในประเทศลาวซึ่งกรุงศรีจะนำหน้าในการขยายธุรกิจทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจและรายย่อย

“เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ธนาคารมีแผนลงทุนเพื่อขยายช่องทางในการให้บริการให้ครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความเป็นเลิศของระบบปฏิบัติการ โดยมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ 100 สาขาและติดตั้งเครื่อง ATM ใหม่ 2,000 เครื่องทั่วประเทศ" นายโกโตะ กล่าวเพิ่มเติม

นายโกโตะ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า ขณะนี้ยังคงมีความเสี่ยงในการที่จะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ลดลงจากที่ธนาคารคาดว่าว่าจะเติบโต 3.3-3.8% เป็นผลมาจากการส่งออกที่ยังไม่เติบโต รวมทั้งการลงทุนและการเบิกจ่ายภาครัฐยังไม่ออกมากระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน ขณะที่การบริโภคภายในประเทศยังคงชะลอตัว โดยในไตรมาส 1/58 ที่ผ่านมาสินเชื่อรวมของธนาคารโดยไม่รวมการควบรวมกับ BTMU สาขากรุงเทพฯ ยังคงติดลบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ปัจจัยความเสี่ยงการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยนั้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มรายย่อยและกลุ่ม SMEs ที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจมากกว่ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามธนาคารก็ยังคงมีการระมัดระวังในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งธนาคารยังมั่นใจว่าสินเชื่อรวมในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7-9%ขณะเดียวกันการตั้งสำรองพิเศษในปีนี้ของธนาคารยังไม่มี มีเพียงแต่การตั้งสำรองปกติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ