SCC คงเป้ารายได้ปีนี้สูงกว่าปีก่อนแม้ Q1/58 หด 10% คาดดีมานด์ซีเมนต์โต

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 29, 2015 17:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) กล่าวว่า บริษัทยังคาดการณ์รายได้จากการขายในปีนี้จะมากกว่า 4.87 แสนล้านบาทในปีที่แล้วเล็กน้อย แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้รายได้จะหดตัวลงราว 10% เนื่องจากปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากยอดขายปิโตรเคมีที่จะลดลง เพราะยอดขายรวมของบริษัทราว 50% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี ขณะที่เชื่อว่ายอดขายซีเมนต์และกระดาษจะเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามา โดยโรงงานปูนแห่งที่ 2 ในกัมพูชาจะเริ่มเดินเครื่องในเดือนมิ.ย. และโรงงานปูนในอินโดนีเซีย จะเดินเครื่องในปลายปีนี้

ขณะที่การส่งออกไปในอาเซียนของกลุ่มบริษัทยังมีการเติบโตที่ดี โดยไตรมาสแรกมีรายได้จากการส่งออกไปยังอาเซียน 13,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ราคาสินค้าเคมีภัณฑ์จะปรับตัวลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค ขณะที่มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอาจทำให้ให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของกลุ่มบริษัทด้วย

นายกานต์ กล่าวว่า บริษัทคงเป้าหมายความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศปีนี้เติบโต 5-6% จากปีก่อนแม้ว่าความต้องการใช้จะหดตัว 2% ในไตรมาสแรกก็ตามหลังเริ่มเห็นสัญญาณการใช้ซีเมนต์จากภาครัฐที่ดีขึ้น ขณะที่ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทยังคงคาดการ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่ระดับใกล้ 4% แม้หลายค่ายได้ปรับลดประมาณการดังกล่าวลงบ้างแล้วก็ตาม เนื่องจากยังเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของหลายปัจจัยในตลาดทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง.และการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการใช้ปูนจากภาครัฐที่เพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับการใช้ปูนในกลุ่มบ้านพักอาศัยและกลุ่มเพื่อการพาณิชย์ที่ต่างปรับตัวลดลง

"ความต้องการใช้ปูนในประเทศปีนี้ยังไม่มีการปรับอะไร ขออีกไตรมาสหนึ่ง เพราะไตรมาสแรกความต้องการใช้โดยรวมช่วงสองเดือนแรกไม่ดี...เรามองว่าคิว2 คิว3คิว 4 จะดีขึ้นเพราะมีหลายโครงการที่กำลังทำอยู่ อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีการลงนามแล้วก็น่าจะเริ่มใช้ของในช่วงครึ่งหลังปีนี้"นายกานต์ กล่าว

สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 61 หลังจากกำลังการผลิตใหม่ของโลกที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-4% เมื่อเทียบกับความต้องการใช้ในตลาดเพิ่มขึ้นปีละ 4-5% ส่งผลให้สเปรดผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ประกอบกับ ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้แนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวลดลงด้วยนั้นจะส่งผลบวกต่อสเปรดเพิ่มขึ้นมาก

ในช่วงต้นไตรมาส 2/58 จนถึงปัจจุบันสเปรดผลิตภัณฑ์หลัก HPDE กับแนฟทาอยู่ที่ระดับ 819 เหรียญสหรัฐ/ตัน เทียบกับเฉลี่ย 694 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาสแรก และเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้คาดว่าสเปรดในไตรมาส 2/58 จะอยู่ที่ราว 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยมองแนวโน้มสเปรดจะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีด้วย ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้สเปรดดังกล่าวจะอยู่ระดับที่มากกว่า 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 682 เหรียญสหรัฐ/ตันในปีที่แล้ว แต่คาดว่าจะไม่ถึงระดับ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้จากการขายลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาที่ 109,276 ล้านบาท จากราคาผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ที่ลดลงตามราคาน้ำมัน แม้ว่าปริมาณขายของกลุ่มธุรกิจทั้งซีเมนต์ กระดาษและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 32% มาที่ 11,073 ล้านบาท เป็นผลจากมาร์จิ้นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ดีขึ้น และยังมีกำไรจากการขายหุ้นบริษัทในกลุ่มออกไปจำนวน 1,485 ล้านบาทด้วย

ด้านนายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน SCC กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนตามแผนระดับ 5-6 หมื่นล้านบาท โดยราว 2 หมื่นล้านบาทเป็นการลงทุนในโรงปูนซีเมนต์ 4 แห่งในต่างประเทศทั้งกัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ และลาว ส่วนที่เหลือจะใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพงานต่างๆ รวมถึงการซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน(M&A)ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ