บลจ.วรรณแนะทยอยลงทุนในหุ้นจีนต่อเนื่องรับมาตรการรัฐ-สภาพคล่องล้นระบบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 7, 2015 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ ระบุว่าตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อหลังปรับตัวลงเล็กน้อยเพื่อปรับฐานในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นจีน (ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้) และตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นกว่า 33% และ 17% ตามลำดับ จากมาตรการการการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนต่อเนื่องทั้งมาตรการการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงสัปดาห์ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ 3.2% และ 1.7% ตามลำดับ เนื่องจากแรงกดดันจากทั้งในและต่างประเทศของจีนเอง โดยทางการจีนได้ออกมาระบุถึงความร้อนแรงของตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมาหลังดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้นักลงทุนกังวลว่าทางการจีนอาจมีมาตรการบางอย่างเพื่อยับยั้งความร้อนแรงของตลาดหุ้นดังกล่าว รวมทั้งมีนักวิเคราะห์บางแห่งออกมาระบุถึงราคาหุ้นจีนที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา ประกอบกับความกังวลจากปัจจัยภายนอกจากความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะของกรีซที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ ECB ได้ ซึ่งจะถึงกำหนดเส้นตายในการชำระจำนวน 75 ล้านยูโรในวันที่ 12 พ.ค. 58 ทำให้นักลงทุนลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเพื่อรอดูเหตุการณ์ จึงทำให้หุ้นจีนมีการปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งในระยะถัดไป มองว่าตลาดหุ้นจีนก็ยังมีโอกาสปรับตัวผันผวนในช่วงระยะสั้นจากความกังวลของปัจจัยภายในและภายนอกประเทศดังกล่าว ก่อนที่จะปรับตัวไปต่อในระยะถัดไปจากปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ได้แก่ การผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา โดยผมมองว่าธนาคารกลางจีนมีโอกาสผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมโดยการปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแม้ว่าจะดำเนินการปรับลดไป 3 ครั้งแล้วก็ตามและแต่ละครั้งที่ปรับลด RRR ก็มักส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนทุกครั้ง รวมทั้งแรงซื้อจากนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นระหว่างนักลงทุนจีนและฮ่องกง หลังทางการมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนจีนที่จะไปลงทุนในฮ่องกงได้มากขึ้นที่เรียกว่า QDII

ซึ่งล่าสุดทางการจีนก็ได้อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันจีน อย่างกองทุนรวมจีนสามารถนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง (H-Share) ได้ และมีการเชื่อมตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-ฮ่องกงเข้าด้วยกันซึ่งล่าสุดได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยสะท้อนจากจำนวนโควต้าการขอเข้าลงทุนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หากทางการจีนเชื่อมตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นเข้าด้วยกันในช่วงถัดไปได้สำเร็จแล้วนั้น ก็จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้แก่นักลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหุ้นจีนประเภท H-Share (หุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง) จากมูลค่าหุ้นที่ยังต่ำกว่าหุ้นจีนประเภท A-Share (หุ้นจีนที่จดทะเบียนในจีน) ประกอบกับสภาพคล่องที่ยังคงล้นระบบอยู่ในปัจจุบันจากการใช้ QE ต่อเนื่องของธนาคารกลางในหลายแห่ง ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่นหุ้นยังคงเป็นที่น่าสนใจอยู่ในช่วงถัดไป

สำหรับกองทุนเปิด วรรณ ไชน่า แวลู 5/3 ฟันด์ ซึ่งเพิ่งปิด IPO ไป โดยสามารถระดมทุนได้ 986 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนประเภท Trigger Fund เพื่อจับจังหวะในช่วงที่หุ้นยังคงมีความผันผวน ซึ่งปัจจุบันกองทุนฯ นี้มีการลงทุนในหุ้นจีนประมาณ 80% และมีแนวโน้มทยอยลงทุนในหุ้นต่อหากดัชนีฯ ย่อตัวลงเพื่อลงทุนในช่วงที่หุ้นราคาปรับลดลง โดยปัจจุบันกองทุนฯ มีการเน้นลงทุนในหน่วยลงทุน ETF ประเภท H-Share เป็นหลักประมาณ 35% และ A-Share ประมาณ 15% ขณะที่ส่วนที่เหลือจะกระจายการลงทุนแบบคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โครงสร้างพื้นฐาน ประกัน และกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งกองทุนฯ ก็จะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ลงทุนในขณะนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่หากนักลงทุนท่านใดสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นจีนและมีเวลาติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิดและจับจังหวะการลงทุนได้ด้วยตนเอง รวมทั้งสามารถลงทุนได้ในระยะกลางถึงยาวอาจพิจารณากองทุนเปิด วรรณ ไชน่า ออโต้ รีเด็มชั่น ฟันด์ (ONE-CHINA) ซึ่งเป็นกองทุนเปิดประเภท Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในกองทุน ETF 2828HK เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับตลาดหุ้น Hang Seng China Enterprises Index ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงเวลานี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ