บลจ.วรรณ ออกกองหุ้น ONE-SHARIAH6 เพิ่มทางเลือกลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 18, 2015 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันช่องทางการออมและการลงทุนตามศาสนาอิสลามค่อนข้างจำกัด โดยค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ อย่างเช่น ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทำให้ บลจ.วรรณ ได้พิจารณาเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับกลุ่มผู้ลงทุนที่ต้องการช่องทางการลงทุนที่ถูกต้องตามหลักศาสนา โดยเน้นการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการชะรีอะห์ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้แก่ นายอรุณ บุญชม ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักจุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการชะรีอะห์/ นาย.อนัส อมาตยกุล ประธานที่ปรึกษาด้านชะรีอะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยและ นายมานพ อาดัม หัวหน้าสาขาวิชาภาษาอาหรับ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขณะที่ด้าน นายอนัส อมาตยกุล ประธานที่ปรึกษาด้านชะรีอะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามปัจจุบันยังมีข้อจำกัดบางประการ ส่งผลให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามอาจไม่สามารถลงทุนในหุ้นที่เข้าข่ายต้องห้ามได้ เนื่องจากมีหลักการลงทุนแตกต่างไปจากศาสนาอื่นๆ เช่น การห้ามลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับดอกเบี้ย (Riba) รวมถึงหุ้นจากบริษัทที่มีรายได้จากดอกเบี้ย / การห้ามลงทุนที่เกี่ยวข้องการการพนัน (Maisir) เช่น การเล่นไพ่ หรือธุรกิจพนันต่างๆ เช่น บริษัทล็อตเตอรี่ออนไลน์ บริษัทที่ให้บริการเครื่องเล่นเสี่ยงโชค หรือการกระทำใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลมาก่อนหน้า และห้ามลงทุนธุรกิจที่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุรา สิ่งมึนเมา คาราโอเกะ สุกร คาสิโน เป็นต้น รวมทั้งห้ามลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน (Gharar)

การลงทุนในกองทุนรวมเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนตามหลักศาสนาโดยใช้หลักการแต่งตั้งตัวแทนหรือวะกาละห์ (Wakalah) ในการบริหารจัดการกองทุน โดยแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเป็นตัวแทนของนักลงทุนในการบริหารจัดการกองทุนแทนผู้ถือหน่วยลงทุน โดยตัวแทนจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าจ้างในการบริหารจัดการโดยกองทุนหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจะนำเงินไปลงทุนเฉพาะหลักทรัพย์ที่ถูกต้องตามหลักชะรีอะห์ที่คณะกรรมการชะรีอะห์รับรองแล้วเท่านั้น

จากแนวคิดการลงทุนตามหลักศาสนาดังกล่าว ทำให้ บลจ.วรรณ เสนอขายกองทุนเปิด วรรณ กองทุนคุณธรรม (ชะรีอะห์) 6 ฟันด์ ในระหว่างวันที่ 18-26 พ.ค. 58 เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้แก่ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามและนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 6% ภายในเวลา 12 เดือน ซึ่งกองทุนฯ นี้มีจุดเด่นอยู่ที่กองทุนฯ จะคัดเลือกหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เข้าข่ายการลงทุนและได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการทางชะรีอะห์

โดยจะจัดพอร์ตการลงทุนโดยผสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดประมาณ 10-15 หลักทรัพย์ หรือประมาณ 60% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น ขณะที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กอีกประมาณ 5-10 หลักทรัพย์ หรือประมาณ 40% ของพอร์ตการลงทุนที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงในระยะ 3 ปีข้างหน้า (Growth Stock) และหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว รวมทั้งหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลประกอบการที่ดีและมีกำไรในอนาคต (Turnaround) เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้แก่กองทุน

กองทุนฯ จะเน้นหุ้นกลุ่มเป้าหมายที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น และมีมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าระดับที่ไม่เหมาะสม เช่น วัสดุก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น

สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงระยะสั้นยังคงมีโอกาสผันผวนต่อเนื่องและมีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอดูปัจจัยบวกในตลาดเพิ่มเติม โดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ อย่างเช่น ความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐและการรอดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1/58 ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เหลือ รวมถึงการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 1/58 ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าคาดอาจส่งผลให้มีการปรับลดการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจลงเพิ่มเติม รวมทั้งแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งในส่วนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ช้ากว่าคาดและความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะของกรีซ ซึ่งแม้ว่าหนี้สาธารณะของกรีซที่ต้องชำระต่อ IMF ในวันที่ 12 พ.ค. 58 จำนวน 750 ล้านยูโรจะผ่านพ้นไปได้เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังต้องติดตามความคืบหน้าของการเจรจาต่อรองของรัฐบาลกรีซต่อเจ้าหนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะมีกำหนดชำระหนี้อีกครั้งในเดือน มิ.ย. 58 ซึ่งอาจกดดันต่อตลาดในช่วงดังกล่าวบ้างเล็กน้อย แต่ก็คาดว่าการเจรจาจะสามารถบรรลุได้อย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในช่วงระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอาจปรับตัวผันผวนจากแรงกดดันดังกล่าว แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถพลิกกลับมาฟื้นตัวได้จากปัจจัยพื้นฐานที่ทยอยฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากภาครัฐสามารถดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาได้ โดยเฉพาะการเร่งผลักดันในส่วนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งแนวโน้มของการส่งออกที่น่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของปี 58 จากอานิสงส์ของค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมองว่าดัชนี SET น่าจะมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 1,400-1,670 จุดและมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,700 จุดได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ