PTTEP หั่นงบลงทุนปีนี้รับมือน้ำมันต่ำ คาดปริมาณผลิต-ขายปิโตรเลียมโตแค่ 3-6%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 19, 2015 10:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) คาดปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมในปีนี้จะเติบโตในช่วง 3-6% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดเติบโตราว 6% เป็นผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว พร้อมปรับแผนลดงบลงทุนในปีนี้ลง 10-15% ให้สอดคล้องกับการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้มาที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิม 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพื่อวางกลยุทธ์ให้บริษัทอยู่รอดได้ภายใต้ภาวะราคาน้ำมันต่ำ แต่ยังมองโอกาสการซื้อกิจการ-ร่วมทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต เน้นแหล่งในประเทศเป็นหลัก

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTTEP กล่าวว่า บริษัทได้ทบทวนแผนการลงทุนปีนี้ใหม่ภายใต้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดว่าจะมีการปรับลดวงเงินประมาณ 10-15% จาก 4,832 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในเดือน พ.ค.นี้

การปรับแผนลงทุนดังกล่าวจะดำเนินการเฉพาะปีนี้เท่านั้น ส่วนแผนระยะยาว 5 ปี(ปี 58-62)ที่กำหนดการลงทุนรวม 24,295 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นจะมีการทบทวนอีกครั้งในช่วงสิ้นปี เพื่อจัดทำแผนฉบับใหม่ โดยจะมีการทบทวนเป้าหมายการผลิตที่เคยตั้งไว้ในระดับ 6 แสนบาร์เรล/วันภายในปี 63 ด้วย

"ช่วงปีสองปีนี้ ราคาน้ำมันอาจจะไม่ได้กลับขึ้นไปถึง 80 เหรียญฯ คงค่อยๆไล่ขึ้นไประยะยาววิ่งอยู่ระหว่าง 50-80 เหรียญฯ ฉะนั้น แผนระยะสั้นก็ต้อง survive and thrive คือภายใต้ราคาขณะนี้แน่นอนกระทบรายได้เรา ผลประกอบการของเรา ทำอย่างไรเราจะบริหารกิจกรรมให้เดินได้ต่อภายใต้ราคาน้ำมันที่ลดลง โดยไม่เป็นภาระทางด้านการเงินของเรา ส่วนเรื่องของ thrive คือพยายามใช้จังหวะมองโอกาสการเติบโตต่อไปด้วย"นายเทวินทร์ ให้สัมภาษณ์"อินโฟเควสท์"

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า การปรับแผนลงทุนในปีนี้จะเป็นการดำเนินการภายใต้โครงการ SAVE to be SAFE ใน 3 ด้านคือ ลด,ละ,เลื่อน โดยโครงการปิโตรเลียมที่อยู่ระหว่างการผลิตและยังคงเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทนั้นจะปรับลดวงเงินลงทุนลงไม่มาก หรือราว 5% ของเงินลงทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าปริมาณการผลิตในปีนี้จะเติบโตแค่ราว 3-6% จาก 3.5-3.6 แสนบาร์เรล/วันในปีก่อน เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ยังเห็นความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นตามการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นจากสภาวะอากาศที่ร้อน ซึ่งวงเงินที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน

สำหรับโครงการปิโตรเลียมที่กำลังเตรียมพัฒนาจะปรับลดงบลงทุนลง 30% จากงบเตรียมการพัฒนาราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นลดค่าใช้จ่ายที่ไม่กระทบเป้าหมายการดำเนินงานแต่ละโครงการ ซึ่งบริษัทจะเจรจาลดค่าเจาะหลุมสำรวจ หรืออาจเลื่อนขุดเจาะบางหลุมที่คิดว่ายังไม่จำเป็น

ปัจจุบัน PTTEP มีโครงการที่อยู่ระหว่างการเตรียมพัฒนา 5-6 โครงการ ได้แก่ โครงการในโมซัมบิก ,แหล่ง Cash/Maple ในโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย ประเทศออสเตรเลีย ,โครงการเอ็ม 3 ในเมียนมาร์ ,โครงการฮัดซีเบอร์ราเกซ(HBR)ในอัลจีเรีย, โครงการมาเรียนนา ออยล์ แซนด์ ในแคนาดา และแหล่งอุบล ในโครงการคอนแทร็ค 4 โดยโครงการโมซัมบิก และแหล่งอุบล มีกำหนดสรุปแผนการลงทุนภายในสิ้นปีนี้

ด้านโครงการปิโตรเลียมที่อยู่ระหว่างการสำรวจนั้นจะลดงบลงทุนในปีนี้ลง 20% จากราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยวางเป้าหมายที่จะมุ่งสำรวจเพื่อตอบสนองแหล่งที่มีการผลิตอยู่เป็นหลักก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการผลิตอยู่แล้วและมีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงมีโอกาสสร้างการผลิตได้เร็ว ขณะที่การวางแผนสำรวจระยะต่อไปจะเป็นกลุ่มที่ทำสัญญากับภาครัฐไว้แล้ว ส่วนบางแหล่งสำรวจที่มีความเสี่ยงก็อาจจะต้องชะลอการสำรวจออกไปก่อน รวมถึงบางแปลงสำรวจที่ศึกษาแล้วพบว่ามีศักยภาพไม่สูงมากนัก ก็จะทยอยคืนพื้นที่สำรวจต่อไป

"กระบวนการที่เราทำลด ละ เลื่อน net ออกมาแล้วน่าจะมีการปรับลดงบประมาณคร่าวๆราว 10% up ตัวเลขจริงจะเป็นเท่าไหร่ขอเข้าบอร์ดก่อน น่าจะประมาณ 10-15% ในปีนี้จาก total ประมาณ 4,800 ล้านเหรียญ...ปีนี้จริงๆเรา conservative เราคาดการณ์น้ำมันลงมาเหลือ 50 เหรียญฯ จากเดิมเราใช้ 70 เหรียญฯสำหรับการจัดทำงบลงทุนในปีนี้ที่ราว 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ตัวเลขตอนนี้จะ base on ที่ 50 เหรียญฯ ส่วนนี้คือ part ที่เราเรียกว่า survive"นายเทวินทร์ กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังจัดทำกลยุทธ์เพื่อการเติบโตต่อไปในช่วงที่ภาวะราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำด้วย โดยมองว่าเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน หลังราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการบางรายอาจต้องขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลักออกมา ขณะที่บริษัทนับว่ามีความพร้อมทางด้านเงินทุนมากกว่ารายอื่น เพราะที่ผ่านมาบริษัทได้มีการพัฒนาโครงการหลักๆ ตามสัญญาไปเกือบหมดแล้ว ยังคงเหลือโครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี ซึ่งจะเริ่มผลิตน้ำมันดิบจากแหล่ง Bir Seba ในครึ่งหลังของปีนี้ ประกอบกับ มีวงเงินจากการออกหุ้นกู้ไปจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา

เป้าหมายในการซื้อกิจการหรือร่วมลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมนนั้น จะเน้นโครงการในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะโครงการที่มีการพัฒนาและการผลิตอยู่แล้ว เนื่องจากมีความเข้าใจทางธรณีวิทยาและต้นทุนการผลิตเป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังสามารถสร้างรายได้กลับเข้ามาได้ทันที ส่วนโครงการในต่างประเทศก็จะยังคงอยู่ในภูมิภาคนี้เพราะมีความคุ้นเคย ขณะเดียวกันยังให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในแหล่ง shale gas หรือ shale oil ด้วยแต่การพิจารณาต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง

"เรากลับมาทบทวนว่าที่เราไปลงทุนไกลๆใหม่ๆ นั้นด้วย stragtegy ที่ถูกต้อง แต่ความเข้าใจพื้นที่ไม่เพียงพอ บางทีเราก็อาจจะ overlook บางอย่าง ดังนั้น การจะไปลงทุนที่ใหม่ๆ ต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น...ก่อนจะไปลงทุนไกลๆ เราต้องเข้าใจมากขึ้น เราเลยให้ priority ในพื้นที่ที่เราคุ้นเคยก่อน"นายเทวินทร์ กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนในประเทศออสเตรเลียและแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่เจริญแล้ว มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าครองชีพ การบำรุงรักษา และค่ารับเหมาก่อสร้าง ขณะที่การลงทุนในแอลจีเรีย อาจจะมีพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานที่ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง

ทั้งนี้ แนวทางต่อไปที่จะลดความเสี่ยงจากการลงทุนไปแล้วนั้น ในส่วนของโครงการในแคนาดานับว่ามีเป็นสินทรัพย์ที่มีทรัพยากรจำนวนมาก จึงต้องหาวิธีการพัฒนาให้อยู่ในระดับต่ำภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันไม่สูง โดยได้ศึกษาทุกแนวทางทั้งการหาผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญ หรือการขายสินทรัพย์ออกไป เป็นต้น

*ปรับลดเป้าหมายปริมาณขายปีนี้ หลังประเมินปีนี้โตไม่มาก,ราคาก๊าซฯลด

นายเทวินทร์ คาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมในปีนี้จะเติบโตในช่วง 3-6% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าปริมาณการขายในปีนี้จะเติบโตราว 6% มาที่ 343,000 บาร์เรล/วัน หลังจากไตรมาส 1/58 มีปริมาณขายเพียง 327,145 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่จะมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากโครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บีจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ปริมาณไม่มากราว 2 หมื่นบาร์เรล/วัน

"ปริมาณการขายในปีนี้อาจถูกกระทบจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตน้อยกว่าที่คาด ซึ่งทำให้การผลิตจากแหล่งในประเทศได้รับผลกระทบในบางโครงการ จากที่เคยจัดส่งก๊าซฯได้เกินกว่าสัญญา ก็อาจจะปรับเหลือการจัดส่งเท่ากับสัญญา"นายเทวินทร์ กล่าว

ด้านราคาขายก๊าซธรรมชาติในปีนี้ คาดว่าราคาขายเฉลี่ยของบริษัทจะปรับลดลงราว 10% จากปีที่แล้ว ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาขายก๊าซฯ เริ่มลดลงตั้งแต่เดือน เม.ย.58 และจะทยอยลดลงไปเรื่อยๆ ตามรอบเวลาสัญญาในเดือน ก.ค.และเดือน ต.ค.ปีนี้

"ราคาก๊าซฯเฉลี่ยปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้วสัก 10% แต่ราคาน้ำมันคาดยากหน่อย แล้วแต่ว่าจะเป็นเท่าไหร่ เรามองไว้ที่ 50 เหรียญ คือถ้าวันนี้ราคาน้ำมัน 50 เหรียญ เราก็สบาย ถ้าสูงกว่า 50 เหรียญเราก็สบายๆ อาจไม่กำไรมากเท่าปีที่แล้ว เพราะมาร์จิ้นหายไปเยอะ แต่ว่าเราจะไม่เดือดร้อนในเชิงของ cash flow อาจเดือดร้อนในเชิงกำไรน้อยลง รายได้น้อยลง"นายเทวินร์ กล่าว

ปัจจุบัน PTTEP มีโครงการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 43 โครงการใน 11 ประเทศ ได้แก่ ในประเทศ 17 โครงการ, ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 15 โครงการ, ออสเตรเลีย 1 โครงการ, ทวีปอเมริกา 3 โครงการ และแอฟริกา รวมถึงตะวันออกกลาง 7 โครงการ โดยรายได้ 2 ใน 3 มาจากก๊าซธรรมชาติ ส่วนที่เหลือมาจากน้ำมัน

อนึ่ง ใน 57 บริษัทมีรายได้ 8,017 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิ 677 ล้านเหรียญสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ