TNITY คาดร่วมทำธุรกรรมด้าน IB กับ"หมอนิติพล"หลังเข้าถือหุ้นแทน KTB

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 25, 2015 11:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา(TNITY) เปืดเผยว่า บริษัทเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนายแพทย์นิติพล ชัยสกุลชัย ได้เข้าถือหุ้นในบริษัทฯ จำนวน 38,390,625 หุ้น หรือร้อยละ 19.44 แทนธนาคารกรุงไทย(KTB) โดยการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้ ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทเปลี่ยนไป ดังนี้ นายแพทย์นิติพล สัดส่วน 19.44% บริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด สัดส่วน 14.19% กลุ่มโกวิทวัฒนพงศ์ สัดส่วน 4.83% ผู้ถือหุ้นทั่วไป61.54%

นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNITY เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาเราได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนที่สนใจจะร่วมลงทุนในบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นที่มีมุมมองวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถต่อยอดในการขยายธุรกิจเพื่อความเติบโตของบริษัทได้ รวมทั้งให้ความสำคัญในการบริหารงานแบบมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี การเข้ามาถือหุ้นในครั้งนี้ของกลุ่มนิติพล บริษัทฯเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะช่วยส่งเสริมธุรกิจซึ่งกันและกัน ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีธุรกรรมที่สามารถดำเนินการร่วมกันได้อีกมาก โดยเฉพาะธุรกรรมด้านงานวาณิชธนกิจ

ทั้งนี้ ในปี 57 บริษัทมีผลการดำเนินงานดีมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 40% เป็นผลมาจากนโยบายในการสร้างรายได้จากหลากหลายธุรกิจที่บริษัทมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการลงทุน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอในอัตราที่สูงกว่านโยบายมาโดยตลอด โดยในปีล่าสุดมีการจ่ายเงินปันผลรวมหุ้นปันผลคิดเป็นอัตราสูงถึง 13.5% สูงกว่าอัตราเงินปันผลเฉลี่ยของกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) และของ SET Index ที่ระดับ 3.9% และ 3.1% ตามลำดับ

บริษัทติดอันดับ 1 ใน 10 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (จากผลประกอบการ 55-57) และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ (3%)

นายแพทย์นิติพล ชัยสกุลชัย เป็นผู้ก่อตั้งนิติพลคลินิก ปัจจุบันดำเนินธุรกิจด้านคลินิกความงามมามากกว่า 20 ปี มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการดูแลรักษาและมีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย และเป็นผู้นำด้านการประกอบธุรกิจคลินิกความงามที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยถึง 157 สาขา (ณ ปี 57) และกำลังขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสอดคล้องกับการขยายธุรกิจเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ