(เพิ่มเติม) "บางกอกแร้นซ์"จะเสนอขายหุ้น IPO 228 ล้านหุ้นคาดเข้าตลาด SET ใน Q3/58

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 27, 2015 12:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแร้นช์(BR Group)เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 3/58 ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4,569.6 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 228,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 25.0% ของทุนจดทะเบียน โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและมี บล.ไทยพาณิชย์ และ บล.บัวหลวง เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทมีความประสงค์จะนำเงินที่ได้ จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจโรงงานชำแหละและแปรรูปอาหารจากเนื้อเป็ด และธุรกิจฟาร์มเลี้ยงเป็ดเนื้อ ของบริษัท ซึ่งบริษัทประมาณการงบลงทุนในช่วงปี 58-60 ราว 1.1 พันล้านบาท ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน

บางกอกแร้นช์ เป็น 1 ในผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายใหญ่ของประเทศมากว่า 30 ปี และมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เนื้อเป็ดแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ และปลายน้ำ คือ ฟาร์มพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์เป็ด โรงฟักไข่เป็ด ฟาร์มเป็ดเนื้อ โรงงานชำแหละและแปรรูปอาหารจากเนื้อเป็ด และธุรกิจอาหารสัตว์ ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ มีจุดเด่นในการผลิต เนื้อเป็ดคุณภาพสูง และอาหารแปรรูปจากเป็ดพร้อมรับประทาน ระดับพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ในขณะที่บริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตเป็ด เนื้อรวมกันกว่า 25 ล้านตัวต่อปี โดยมีฐานการผลิตใหญ่ใน 2 ประเทศคือ ประเทศไทย และประเทศ เนเธอร์แลนด์ (ผ่านบริษัทย่อยชื่อ บจ. ดั๊ค โท โฮลดิง ซึ่งเป็นบริษัท ผู้ผลิตเป็ดครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อเป็ดมากที่สุด เป็นอันดับ 3 ในกลุ่ม EU) ภายใต้แบรนด์ “บางกอกแร้นช์" “Dalee", “Duck To" และ “CANATURE" รวมถึงมีการผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้าแต่ละราย

บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆจากบริษัทในประเทศไทยคิดเป็นประมาณ 71% ของรายได้รวมทั้งหมดและมีสัดส่วนรายได้ 21% จากบริษัทย่อยในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งบริษัทฯ มีส่วนแบ่ง ตลาดในไทยถึงประมาณ 50% โดยกลุ่มลูกค้าหลักมีหลายประเภท อาทิ กลุ่มลูกค้าขายส่งซึ่งสร้าง รายได้ 75%

กลุ่มลูกค้าร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำ (Horeca) เช่น ภัตตาคาร MK Suki, S&P, สีฟ้า ChefMan โคคา ภัตตาคารโฟร์ซีซัน โรงแรมดุสิตธานี การบินไทย เป็นต้น สร้างรายได้ 15% นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าโมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ อาทิ Makro, BigC, Tops Super market, Foodland, Villa Market สร้างรายได้ 10% ของรายได้ในประเทศไทย

ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์เป็ดมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีประเทศขนาดใหญ่ ในกลุ่มยุโรป (EU) อาทิ เยอรมัน สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และ ประเทศญี่ปุ่น เป็นตลาดหลัก โดยภาพรวมปี 57 บริษัทมีรายได้รวม 8,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากรายได้รวม 7,573 ล้านบาทในปี 56 โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้น 1,705 ล้านบาทในปี 57 เพิ่มขึ้น 40% จากกำไรขั้นต้น 1,218 ล้านบาทในปี 56 และบริษัทมี EBITDA ในปี 57 เพิ่มขึ้น 55 % เป็น 1,384 ล้านบาท จาก EBITDA จำนวน 891 ล้านบาท ในปี 56 และมีกำไรสุทธิ 661 ล้านบาทในปี 57 เพิ่มขึ้น 416% จากกำไรสุทธิ 128 ล้านบาทในปี 56

"บริษัทมีความสามารถในการทำกำไร ในปี 57 สูงกว่าอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย ของกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจาก บริษัทมีจุดเด่นในการควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง บริษัทยังสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น"

ด้านนายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกลุ่ม บางกอก แร้นช์ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8.48 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าอุตสาหกรรมเป็ดทั่วโลกจะเติบโตได้ราว 4% ส่งผลให้บริษัทสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการนำเงินที่ได้ไปใช้ในการชำระหนี้สถาบันทางการเงินที่มีอยู่ราว 3 พันล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าว่าจะชำระหนี้ราว 700-800 ล้านบาท จะส่งผลให้ระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือไม่เกิน 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.6-1.7%

ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนสำหรับปี 58-60 ไว้ที่ 1.1 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานชำแหละใหม่มูลค่า 900 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการผลิตได้ในช่วงต้นปี 60 ซึ่งจะพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 9 ล้านตัว/ปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตที่ 25 ล้านตัว/ปี และอีก 200 ล้านบาท ไว้ใช้เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในโรงงานเดิม ซึ่งจะส่งผลให้ระยาวรายได้ของบริษัทเติบโตได้ 7-10%

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนที่จะขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และ ตลาดส่งออกสำคัญๆ อย่างมีนัย โดยตลาด ในประเทศ บริษัท มุ่งเน้นการเจาะตลาด Horeca หรือ ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรมต่างๆ ซึ่งมีมูลค่า ตลาดใหญ่ และมีการเติบโตสูง ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวนมาก ที่หลากหลายและตรงตาม ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีแผนขยายตลาดส่งออก โดยเพิ่มยอดขายในตลาดเดิมที่สำคัญ และ เจาะสู่ตลาดใหม่ที่สำคัญ อาทิ จีน ญี่ปุ่นและภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย

ณ สิ้นปี 57 บางกอกแร้นช์ มีทุนจดทะเบียน 4,596.6 ล้านบาท โดยมีกลุ่มผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท (นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช) ถือหุ้นอยู่ 36% และ กลุ่มกองทุนเอกชนถือหุ้นอยู่ 48% โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตการเข้าจดทะเบียนต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และดูแลตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ด้านนางสุนิต วิสุธิโกศล Senior Vice President สายวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าจะสามารถนำ BR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ได้ภายในไตรมาส 3/58 นี้ โดยจะเดินทางให้ข้อมูลกับนักลงทุน ภายในเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งมีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามความเติบโตของเศรษฐกิจ

ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมนี้มีคู่แข่งน้อยรายซึ่งปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศไว้ถึง 50% และในขณะเดียวกันบริษัทยังเป็นลำดับต้นๆในการเป็นผู้นำตลาดเป็ดของโลก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 55% และอีก 45% ส่งออกไปยังต่างประเทศ พร้อมกันนี้บริษัทยังมองหาการขยายตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น จีน ญี่ปุ่น และในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามที่ล่าสุดบริษัทได้มีการเข้าไปตั้งตัวแทนจำหน่ายไว้เรียบร้อยแล้ว

สำหรับการกำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) คาดว่าจะสามารถกำหนดได้หลังจากการนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุน และสำรวจความต้องการของนักลงทุนแล้วเสร็จ โดยคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนภายในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ