โกลเบล็ก แนะสะสมหุ้นช่วง 1,460-1,480 ชูกลุ่มอาหาร-อิเล็คฯ-รับเหมาฯเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 27, 2015 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล. โกลเบล็ก คาดหุ้นไทยยังทรงตัวในกรอบแคบ แนะกลยุทธ์สะสมหุ้นในกรอบแนวรับที่ 1,460-1,480 จุด ชูกลุ่มอาหาร ,อิเล็คทรอนิคส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาลหนุน และกลุ่มไฟแนนซ์ (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองแนะสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series เมื่อยื่นเหนือแนวรับ 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และ Cut Loss ทันทีเมื่อหลุดแนวรับ

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยระยะนี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,460-1,480 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบกดดัน อาทิ ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งกรีซยอมรับว่าไม่มีเงินเพียงพอซึ่งต้องรีบเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามคาดการณ์

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยความกังวลในเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย( NIM) ของกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจนหลุด 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลลงมา อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา มูลค่าราว 7.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบยุทธ์ศาสตร์ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นระยะ 5 ปี วงเงินที่ระดับ 1.41 ล้านล้านบาท โดยเน้นให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และยังมีมติอนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการ อาทิ รถไฟ 3 เส้นทางกับญี่ปุ่น โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ส่วนปัจจัยน่าจับตาในต่างประเทศ คือ การเปิดเผยตัวเลขของผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนเม.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ในไตรมาส 1/58 และญี่ปุ่นจะมีการแจ้งตัวเลขยอดค้าปลีกเบื้องต้นเดือนเม.ย. พร้อมข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก ส่วนปัจจัยในประเทศ การรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รวมทั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดประชุมใหญ่ เพื่อเตรียมลงพื้นที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ย่อตัวลงมาใกล้เขต Oversold แล้ว 30%จึงให้รอเข้าซื้อช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460 – 1,480 จุด โดย Selective Buy กลุ่มที่มีประเด็นบวกรองรับ เช่น กลุ่มอาหาร , อิเล็คทรอนิคส์ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาล และกลุ่มไฟแนนซ์ (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์

ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ ประเมินแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำปรับตัวลงตามเงินยูโรที่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลเรื่องกรีซที่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ก่อนวันที่ 5 มิ.ย. และกรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้กับ IMF มูลค่า 305 ล้านยูโร นอกจากนี้เงินยูโรอ่อนค่าลงต่อหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียม front load โครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงเดือนพ.ค. และมิ.ย.เพื่อหนุนสภาพคล่องที่คาดว่า จะปรับตัวลดลงในช่วงวันหยุดฤดูร้อนกลางปีนี้

สำหรับสหรัฐเองหลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งล่าสุดข้อมูลเศรษฐกิจสดใสจากรายงานยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนเม.ย. จากดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95.4 ในเดือนพ.ค. ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมากขึ้น สร้างแรงหนุนต่อเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดย แนะนำเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series หากปรับลงไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และหากราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้าน 1,210 เหรียญต่อทรอยออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ