(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้เทคนิคชี้ทิศทางขาลง-ปัจจัยใน-นอกปท.ไม่เอื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 3, 2015 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีภาพที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากวานนี้ดัชนีฯปิดลงมาอยู่ต่ำกว่าแนว 1,480 จุดซึ่งเป็นแนวที่คาดหวังไม่ได้ ดังนั้นดัชนีฯจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้อีก จากสัญญาณทางเทคนิคที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดฯอยู่ในทิศทางขาลง

ทั้งนี้ สัปดาห์นี้เรื่องที่จะต้องติดตามยังคงเป็นเรื่องของกรีซ ส่วนบ้านเราเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อของไทยออกมาอยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 10 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จึงมีโอกาสที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ แต่เมื่อลดดอกเบี้ยแล้วก็ไม่ได้จะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในทันที แต่คงจะได้เห็นเงินบาทที่น่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยกลุ่มส่งออก และกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะได้ประโยชน์ ส่วนในประเทศก็คงจะต้องรอการลงทุนของภาครัฐฯ

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ โดยตลาดในทางเอเชียเหนือมีการเทรดที่คึกคัก อย่างตลาดจีน และตลาดฮ่องกงซึ่งเล่นคู่กันมาในขณะนี้ ส่วนตลาดอื่นในเอเชียก็จะทรงตัวและติดลบ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า Flow ไหลเข้าจีนอย่างเดียว คงมาจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และกองทุนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีหุ้นของจีน เมื่อจีนมีการเปิดให้ต่างชาติลงทุนได้มากขึ้นก็เลยทำให้มี Flow เข้า จนทำให้เวลานี้ตลาดจีนถือว่ามี value ที่แพงมากแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(2 มิ.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,011.94 จุด ลดลง 28.43 จุด(-0.16%),ดัชนี
NASDAQ ปิดที่ 5,076.52 จุด ลดลง 6.41 จุด(-0.13%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.60 จุด ลดลง 2.13 จุด(-0.10%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 100.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.85 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 249.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.80 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.22 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 มิ.ย.58)1,476.87 จุด ลดลง 19.18 จุด (-1.28%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,705.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 มิ.ย.58) ปิดที่ 61.26 ดอลลาร์/
บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 มิ.ย.58)ที่ 8.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.71/73 แข็งค่าตามยูโร นักลงทุนหวังกรีซบรรลุข้อตกลงเจ้าหนี้
  • ธปท.ส่งสัญญาณ "ค่าบาทอ่อน" หนุนส่งออก แม้ใช้ "ดอกเบี้ย" เป็นเครื่องมือหลัก แต่หวังผลในเชิงอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ขณะภาคเอกชนประเมินเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด คาดครึ่งปีหลังฟื้นตัว ส่งออกกลับมาเป็นบวก
  • นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน พ.ค. เท่ากับ 106.53 ลดลง 1.27% เทียบกับเดือน พ.ค. 2557 ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 5 เดือน และติดลบสูงสุด ในรอบ 5 ปี 8 เดือน แต่เมื่อเทียบเดือน เม.ย. 2558 เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.17% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) 2558 ลดลง 0.77%
  • "ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" ประธานกรรมการ บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ปตท. เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติเสนอเรื่องให้กระทรวงพลังงานพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณ ที่บริษัท เชฟรอนฯ เป็นผู้ถือสัมปทาน และแหล่งบงกช ที่บริษัท ปตท.สผ. เป็นผู้ถือสัมปทาน ซึ่งจะหมดอายุในปี 2565 และ 2566
  • ธปท.ยอมรับการลดดอกเบี้ยนโยบายส่งผ่านค่าเงินทำได้ฝืดขึ้น และการปรับลดดอกเบี้ยในตลาดการเงินตามประสิทธิภาพน้อยลง ย้ำดอกเบี้ยนโยบายยังตัวหลักในการดำเนินนโยบายการเงิน แต่ให้น้ำหนักเรื่องค่าเงินมากขึ้น ห่วงหากการส่งออกไทยซบเซาเป็นเวลานานกระทบการลงทุนและการใช้จ่ายในประเทศ จึงต้องผสมผสานเครื่องมือมากขึ้น เผยบาทอ่อนอย่างมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจไทยไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
  • สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานว่า บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลไทยสกุลเงินต่างประเทศ และสกุลเงินบาทที่ระดับ Baa1 โดยมีมุมมองความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพ รวมทั้งยืนยันเพดานความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ A2 และสกุลเงินบาทที่ A1 เงินฝากธนาคารสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ Baa1 และสกุลเงินบาทที่ A1

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KBANK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 280 บาท เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยจุดเด่น คือ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม มีการกระจายของพอร์ตสินเชื่อและรายได้ที่สมดุล มี NIM สูง การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยดี ทำให้มี ROE แข็งแกร่ง คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 6%
  • IVL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 30 บาท ล่าสุดเข้าซื้อหุ้น 100% ใน CEPSA ซึ่งเป็นโรงงานผลิต PTA ที่ใหญ่ที่สุดในแคนนาดา กำลังผลิต 6 แสนตัน/ปี จะเริ่มรับรู้รายได้มิ.ย. นี้ บวกกับการทยอยซื้อกิจการตั้งแต่ 1Q15 คือ Bangkok Polyester กำลังผลิต PET 1.05 แสนตัน/ปี และ Polyplex Resin San ประเทศตุรกี กำลังผลิต PET 2.52 แสนตัน/ปี และยังมีดีลซื้อกิจการที่จะสรุปในช่วง 3Q15 อีก 1 บริษัท รวมแล้วจะมีกำลังผลิตติดตั้งสิ้นปีนี้ 9 ล้านตัน/ปี (+25% Y-Y) โดยคาดว่ากำลังผลิตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน +21% Y-Y เราคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 5.2 พันล้านบาท +250% Y-Y
  • PYLON(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 11 บาท แนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังคงสดใส และมีงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯและภาคเอกชน ประกอบกับ backlog ที่แข็งแกร่งรองรับรายได้ปีนี้ไปแล้ว 90% จึงมีความมั่นใจต่อประมาณการกำไร และด้วยงานในมือที่พร้อมรับรู้รายได้ใน 2Q15 นี้ราว 350-390 ล้านบาท คาดกำไรมีโอกาสทำ new high อีกครั้ง ประกอบกับงานเก่าในบริษัทลูกซึ่งมีกำไรน้อยหรือขาดทุนเริ่มหมดลง คาดอัตรากำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ อิงปัจจัยบวกจากการย้ายเข้าเทรดใน SET ซึ่งราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะ re-rate PE ขึ้น ราคาหุ้น PYLON ปัจจุบันซื้อ-ขาย บน PE เพียง 17x (เทียบกับกลุ่มที่ 20-25 เท่า)
  • BTSGIF(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 11.20 บาท วันนี้ขึ้น XD, XN-คาดผลตอบแทนปีนี้ยังน่าพอใจ ทั้งนี้ ถือว่ากองทุนฯนี้เป็นหลุมหลบภัยที่ดีในยามที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน เนื่องจากลักษณะธุรกิจเองที่มีความมั่นคงของรายได้จากการมีลักษณะเป็นสัมปทานที่มีอายุเหลืออีก 14 ปี เป็นสาธารณูปโภคจำเป็นในการเดินทางที่ได้รับความนิยมสูง เป้าหมายบริษัทปีนี้ (58-59) คือจำนวนผู้โดยสารเพิ่ม 4-6% และค่าเฉลี่ยอัตราค่าโดยสาร(fee income) เพิ่ม 2% โดยล่าสุด 1 ก.ค.นี้มีประกาศขึ้นค่าโดยสารประเภทบัตรรายเดือนแล้ว สำหรับปีนี้ 58-59(สิ้นสุด มี.ค.59)จะจ่ายผลตอบแทนเป็น 0.691 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6.7% แบ่งเป็นเงินปันผล 0.629 บาท และลดทุน 0.062 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ