(เพิ่มเติม) EPG เตรียมบินจีนอีกรอบหาข้อสรุปซื้อกิจการกลุ่มยานยนต์-เล็งเพิ่มฟรีโฟลท

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 3, 2015 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์(EPG) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินทางไปยังประเทศจีนอีกครั้งในช่วงต้นไตรมาส 3/58 เพื่อหาข้อสรุปการเจรจาซื้อกิจการกลุ่มยานยนต์ในจีน 1 แห่งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี
"เรามีธุรกิจ EPP ในจีนอยู่แล้ว ก็จะพยายามซื้อธุรกิจ automotive ถ้า 3 ธุรกิจนี้ประสานกันได้ในจีนเราก็จะยิ่งใหญ่ มองจีนยังเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกมาก โดยในจีนเราตั้งงบซื้อกิจการหรือถ้าจะต้องลงทุนไว้ 400-500 ล้านบาท ส่วนการซื้อกิจการในประเทศตอนนี้ยังไม่รีบ เพราะที่คุยยังมีปัญหาเรื่องระบบบัญชีที่ซ้ำซ้อน"นายภวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้สถาบันการเงิน ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.4 เท่า ถือว่าต่ำมากสามารถกู้เพิ่มได้

นายภวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมของทั้งกลุ่มในงวดปี 58/59 สิ้นสุด มี.ค.59 เติบโต 25-30% หรือมากกว่า 9,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เกือบ 7,000 ล้านบาท เป็นการเติบโตจาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ที่คาดว่าจะเติบโต 7-10% ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ EPP เติบโต 7-10% และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas จะเติบโตสูงมากราว 20-30% เพราะมีแบล็กล็อกที่เริ่มผลิตแล้วตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป เช่น หลังคารถยนต์

นอกจากนั้น ล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท TJM Producr PTY Ltd(TJM) ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในงวดปีนี้ราว 1.3 พันล้านบาท

"สำคัญบริษัทจะรับรู้รายได้จากการเข้าไปซื้อกิจการ TJM ที่ออสเตรเลีย ปีนี้น่าจะมากกว่า 1,000 ล้านบาทเข้ามาในบริษัท ซึ่งปกติบริษัทจะมียอดขายจาก Aeroklas ปีละ 1,500 ล้านบาท ปีนี้ก็จะเพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าทั้งกลุ่มรายได้จะมากกว่า 9,000 ล้านบาทได้และปี 60 จะเพิ่มมากกว่า 10,000 ล้านบาท ตามเป้า"นายภวัฒน์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/59 (เม.ย.-มิ.ย.) คาดดีกว่าทั้ง yoy และ qoq เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมาแนวโน้มดีมากจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัททำให้คล่องตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 44% ในประเทศ 55% แต่หลังจากที่รับรู้รายได้ TJM เข้ามา และต่อไปรายได้จาก TJM จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้รายได้ต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศผันผวน

นายภวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น EPG ในตลาดหลักทรัพย์(ฟรีโฟลท) โดยศึกษาทั้งแนวทางการจ่ายปันผลเป็นหุ้น หรือนำหุ้นที่ถืออยู่ออกมาขาย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถืออยู่ 75% โดยวางเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าจะลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 60% ที่ผ่านมาได้หารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน ได้รับคำแนะนำให้ทยอยขายออกครั้งละ 1-2% แต่โดยส่วนตัวไม่อยากขายออก ถึงแม้จะครบระยะเวลาไซเลนท์พีเรียดแล้วก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ