(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนทิศทางลงจับตาสถานการณ์กรีซ-กลุ่มแบงก์ยังถ่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 3, 2015 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในทิศทางขาลง แต่การเคลื่อนไหวคงไม่รุนแรงเท่าเมื่อวานนี้ โดยตลาดยังรอดูสถานการณ์ในกรีซที่จะมีการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้เพื่อชี้ขาดว่าจะรับหรือไม่รับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ ขณะที่คาดแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ยังกดตลาดต่อเนื่องหลังโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ปรับลดประมาณการกำไร-ลดมูลค่าเหมาะสมราคาหุ้นลงด้วย โดยมองแนวรับวันนี้บริเวณ 1,480 และแนวต้าน 1,500 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยจะมีความผันผวนต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ และยังอยู่ในทิศทางที่ปรับลดลง แต่การเคลื่อนไหวของดัชนีจะไม่แรงเท่ากับเมื่อวานนี้ เชื่อว่าจะยังคงมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อเนื่อง จากแนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ที่จะลดลงและอาจมีการตั้งสำรองหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โบรกเกอร์หลายแห่งปรับลดประมาณการกำไรของแบงก์ในปีนี้ ซึ่งส่งผลต่อราคาที่เหมาะสมของหุ้นแบงก์ด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังรอดูสถานการณ์ในกรีซ หลังจะมีการทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค.นี้ แต่เห็นว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เชื่อว่าจะยังไม่เห็นทางออกการแก้ปัญหาหนี้กรีซได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีปรับตัวลดลงมามากแล้ว ทำให้ downside ค่อนข้างจำกัด โดยมองแนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,500 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(2 ก.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,730.11 จุด ลดลง 27.80 จุด(-0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,009.21 จุด ลดลง 3.91 จุด(-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,076.78 จุด ลดลง 0.64 จุด(-0.03%)

  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 45.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 119.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.19 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.35 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 ก.ค.58) 1,491.62 จุด ลดลง 12.93 จุด(-0.86%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,359.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 ก.ค.58) ปิดที่ 56.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 ก.ค.58)ที่ 5.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.77 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวรอปัจจัยใหม่ จับตาประชามติกรีซอาทิตย์นี้
  • "คลัง" คาดกระบวนการอนุมัติไทยร่วมลงนาม เป็นสมาชิกจัดตั้ง"เอไอไอบี" เสร็จภายใน 2 เดือน เผยเงินทุนร่วมจัดตั้ง 4.86 หมื่นล้าน หรือ 1.43% หวังเป็นแหล่งเงินกู้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในอนาคต
  • ธปท.เผยการปล่อยสินเชื่อใหม่มีขนาดลดลงกว่าภาวะปกติและต่ำกว่าในอดีต เหตุภาคธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วนหันออกหุ้นกู้ พบสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ตึงขึ้น แต่คาดไม่กระทบระดมเงินฝาก จากภาวะสินเชื่อที่ยังต่ำ ขณะที่คนรวยหันไปซื้อคอนโดราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มขึ้น

-"ม.หอการค้าไทย" เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับลดลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส หลังผู้บริโภคผวาภัยแล้ง ชี้เป็นสัญญาณเสี่ยงและเป็นจุดอันตรายของเศรษฐกิจไทย แนะรัฐออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งเบิกจ่าย คาดชะลอปลูกข้าว 3.4 ล้านไร่ ทำเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเข้าระบบช้าลง ฉุดจีดีพีร่วง 0.1% ด้านแบงก์ไทยพาณิชย์หวั่นภัยแล้ง เบิกจ่ายงบฯรัฐล่าช้า ฉุดจีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า 3%

-ท่องเที่ยวเตรียมความพร้อมมือทัวร์จีน คาดปีนี้เข้าเที่ยวเมืองไทยกว่า 7.5 ล้านคน เร่งปรับมาตรฐาน-การบริการสร้างภาพลักษณ์ พุ่งเป้ายกระดับไกด์ไทยให้เป็นผู้นำทัวร์คุณภาพ

-นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้อยู่ที่ 2 ล้านคัน แบ่งเป็นส่งออก 1.2 ล้านคัน และขายในประเทศ 800,000 คัน จากปีที่ผ่านมาขายในประเทศ 880,000 คัน อยู่ในระดับที่รับได้ เพราะการส่งออกที่ยังสามารถเติบโตช่วยทำให้การผลิตรถยนต์มากขึ้น

-นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานMFC Finance Forum ครั้งที่ 19 ในหัวข้อ Investment Strategy in the New Normal and New Common ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มขยายตัวช้าลง โดยคาดว่าในปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในรูปของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโตไม่ถึงร้อยละ 4 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีลักษณะการเปลี่ยนไป(New Normal) เห็นได้จากการที่ทั่วโลกมีจีดีพีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและอัตราการขยายตัวทางการค้าโลกที่เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งน่าจะอยู่ในลักษณะนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง ส่งผลให้การส่งออกของไทยที่จะถูกกระทบไปด้วย จึงต้องหันมาพึ่งพิงการส่งออกในแถบประเทศเพื่อนบ้านแทน

*หุ้นเด่นวันนี้

-S-W1 เริ่มซื้อขายวันนี้ จำนวน 1,632,953,488 หน่วย มีอัตราการใช้สิทธิ 1:1 ที่ราคาใช้สิทธิ 15 บาท/หุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 4 ปี 27 วัน

-SPCG (บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท มองการเติบโตรอบใหม่เริ่มส่องแสงขึ้นอีกครั้ง ใกล้ได้ข้อสรุปการร่วมลงทุนในโซล่าร์ฟาร์มญี่ปุ่น 130 MW แล้วใน 2H58 นี้ ขณะที่ธุรกิจโซล่าร์บนหลังคาครัวเรือน SPCG ได้ค้นพบวิธีการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพแล้ว อีกทั้งยังริเริ่มเครื่องมือทางการเงินแบบที่ 2 ที่จะเข้ามาเป็นช่วยกระตุ้นอุปสงค์ได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย ทิศทางระยะยาวยังคงสดใสสำหรับ SPCG ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/58 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 579 ล้านบาท ขยายตัว 4% QoQ สนับสนุนจากงานขายโซล่าบนหลังคาที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะที่ฐานกำลังการผลิตโซล่าฟาร์มที่มีเต็มจำนวน 260 MW ต้นทุนบริหารที่ลดลงหลังผ่านพ้นช่วงก่อสร้าง ทำให้กำไรสุทธิขยายตัวดี 50% YoY

-THCOM (บล.เคเคเทรด)แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 51 บาท เป็นเพราะ 1)เป็นหุ้นที่คาดจะมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษ) ในปี 58-59 เติบโตโดดเด่น ด้วยอัตราเฉลี่ย 28% และ 2) มี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ จากดาวเทียมไทยคม 8 ที่อยู่ระหว่างจัดสร้าง และเตรียมส่งสู่วงโคจรในช่วงกลางปี 59 ซึ่งเบื้องต้นคาดจะทำให้มูลค่าเหมาะสมเพิ่มขึ้นได้ราว 3.5 บาท ส่วนประเด็นเรื่องที่ บมจ. ทีโอที (TOT) มีแนวคิดจะยุติการใช้งานไอพีสตาร์ คาดว่าจะต้องเจรจากับ THCOM ก่อน เพราะเป็นการยกเลิกการใช้งานก่อนครบกำหนดสัญญา ซึ่งต้องแจ้งล่วงหน้า 1ปี อีกทั้งบริษัทก็มีลูกค้ารอใช้งานดาวเทียมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากคิดในกรณีแย่สุด หาก TOT ยกเลิกสัญญา โดยไม่มีลูกค้ารายใหม่มาแทน คาดจะกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมให้ลดลงราว 3 บาท เหลือ 48 บาท ซึ่งยังมี upside อยู่มากจากราคาปัจจุบัน

-TUF(บล.ทิสโก้) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 23 บาท โดยมองว่าตลาดประเมินอัตราส่วนและราคาเสนอขายสำหรับหุ้นใหม่ของ TUF โดยการเพิ่มทุน RO ครั้งล่าสุดหลังเข้าซื้อ MWB ทาง TUF ประกาศเพิ่มทุน RO ที่ 5 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่ ที่ส่วนลดจากราคาเฉลี่ยราว 25% อิงจากข้อมูลการทำ RO แล้ว และสมมติฐานราคาตลาดเฉลี่ย (7-15 วันก่อนช่วงจองซื้อหุ้น ซึ่งน่าจะเกิดภายในเดือนนี้) เราเชื่อว่ามูลค่าตลาดใหม่ของ TUF จะคิดเป็นราคาตลาดราว 20.5-20.7 บาทต่อหุ้น ดังนั้นเราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นการปรับตัวลงที่มากเกินไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ