(เพิ่มเติม) "กะตะกรุ๊ป"ตั้ง APM เป็น FA คาดยื่นไฟลิ่ง-เข้า SET ในปี 60 ขยายโรงแรม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 20, 2015 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการ โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ประกอบธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่มีการให้บริการที่หลากหลายในจังหวัดภูเก็ต พังงา สมุย และกระบี่ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเตรียมเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 60 เพื่อนำเงินไปลงทุนในจังหวัดที่มีศักยภาพ เพื่อขยายโรงแรมในอนาคต เช่น พัทยา จ.ชลบุรี หรือ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด(APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อจัดโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างทางการเงิน และปรับปรุงมาตรฐานบัญชีให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ และวางแผนธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าระดมทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในอุตสาหกรรมได้อย่างแข็งแกร่ง

ปัจจุบัน กะตะกรุ๊ปมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือที่มีชื่อเสียง 6 แห่งในภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ กะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา, ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปา ในจังหวัดภูเก็ต, กานดาบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา บนเกาะสมุย และรีสอร์ทริมชายหาดอีก 3 แห่งดำเนินการภายใต้แบรนด์ ‘บียอน’ (Beyond) ได้แก่ บียอน รีสอร์ท กะรน จังหวัดภูเก็ต, บียอน รีสอร์ท เขาหลัก จังหวัดพังงา และ บียอน รีสอร์ท กระบี่ จังหวัดกระบี่

แต่ละโรงแรมมีจุดเด่นที่ตอบสนองความต้องการของแขกผู้เข้าพักแตกต่างกัน ทำให้ครอบคลุมทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ที่ต้องการจัดประชุมและสัมมนา หรือจัดพิธีแต่งงานบนชายหาดอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ เดอะแลนด์มาร์ค ป่าตอง ที่ประกอบด้วยโรงแรมและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ในทำเลที่ตั้งของโครงการที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ เชื่อว่าบริษัทจะได้ประโยชน์ทั้งในส่วนของโรงแรม และพื้นที่ให้เช่าที่จะเป็นรายได้ที่เพิ่มเข้ามาในอนาคตอีกทางหนึ่ง

“บริษัทยังคงมีแผนขยายธุรกิจในภูเก็ตเพิ่มขึ้น เช่น โครงการ เดอะแลนด์มาร์ค ป่าตอง รวมถึงมองหาโอกาสขยายธุรกิจโรงแรมไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น พัทยา หัวหินฯ ซึ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินทุนในการขยายตัว ดังนั้น บริษัทจึงแต่งตั้ง APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อช่วยจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม และวางแผนทางเพื่อเตรียมเข้า SET แหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนทางการเงินที่มีศักยภาพ และช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้าและลูกค้ามากขึ้น เพื่อขยายโรงแรมในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต"นายประมุขพิสิฐ กล่าว

นายประมุขพิสิฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดย 3 ปีย้อนหลังรายได้เติบโตเฉลี่ย 12-15%ต่อปี ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 7-8% เนื่องจากปีนี้ไม่มีการขยายโรงแรมเพิ่ม ขณะที่คาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 78-79% ส่วนกำไรปีนี้คาดว่าจะก้าวกระโดดเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 57 ล้านบาทจากการเข้าพักของนักท่องเที่ยวเอเชียที่เพิ่มขึ้นแม้เป็นช่วงโลซีซั่นก็ยังมีอัตราการเข้าพักถึง 50-60%

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะเริ่มก่อสร้างโครงการเดอะแลนด์มาร์ค ป่าตอง คาดว่าจะสร้างได้ในช่วงเดือน ก.ย.และน่าจะแล้วเสร็จปลายปี 59 ประกอบกับยังอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนก่อสร้างโครงการเดอะแลนด์มาร์คในตัวเมืองภูเก็ต และหาดกะตะเพิ่มเติมอีก ซึ่งเตรียมงบลงทุนไว้ราวแห่งละ 1,500 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินเปล่ารวมทั้งสิ้น 33 ไร่ แบ่งเป็นที่เขาหลัก จ.พังงา 15 ไร่ หาดกะตะ จ.ภูเก็ต 13 ไร่ และในตัวเมืองภูเก็ตอีกจำนวน 5 ไร่

"การขยายธุรกิจเราจะคำนึงถึงโอกาส ศักยภาพที่เหมาะสม โดยปัจจุบันเรามีจำนวนห้องทั้งสิ้น 1,410 ห้อง และในปีนี้ก็จะเริ่มก่อสร้างแลนด์มาร์คที่ป่าตอง ถ้าดำเนินการแล้วเสร็จจะส่งผลให้เราจะมีห้องเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,579 ห้อง จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคใต้ที่ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ"นายประมุขพิสิฐ กล่าว

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมองการลงทุนในจังหวัดอื่นๆที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน เป็นต้น โดยจะเป็นลักษณะการเข้าไปซื้อธุรกิจที่มีอยู่เดิม ซึ่งนโยบายของบริษัทที่จะขยายการลงทุนจะต้องเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และจำนวนห้องจะต้องมีมากกว่า 200 ห้อง แต่อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าคุ้มค่ากับการบริหารหรือไม่ รวมไปถึงโลเคชั่นที่ตั้งของโรมแรมเอื้อต่อการตลาดหรือไม่

ส่วนการขยายธุรกิจในประเทศอาเซียนนั้น บริษัทก็มีความสนใจจะเข้าไปลงทุนในพม่าและเวียดนาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว แต่เบื้องต้นต้องการบริหารธุรกิจในประเทศให้แข็งแรงก่อน นอกจากนั้น บริษัทยังมีความสนใจที่จะนำสินทรัพย์ทั้งหมดขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)ด้วย

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวว่า บริษัท กะตะกรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทที่มีศักยภาพด้วยการดำเนินงานของทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ทางด้านการบริหารจัดการโรงแรมมายาวนานกว่า 35 ปี และวิสัยทัศน์ที่เน้นย้ำด้านการพัฒนาโรงแรมด้วยบริการที่ครบครันตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เกิดความประทับใจกลับมาใช้บริการ สะท้อนได้จากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ APM ได้มีโอกาสเข้ามามีบทบาทเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่จะมาช่วยในเรื่องการจัดโครงสร้างทางธุรกิจ และปรับโครงสร้างด้านบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานและกฎเกณฑ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งฯ และระดมทุนได้ในปี 60 เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ