KTAM ออก 2 กองทุนตราสารหนี้ชูผลตอบแทน 1.75-1.95%ต่อปี ขาย 5-11ส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 4, 2015 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนบางกลุ่มต้องการพักเงิน บริษัทจึงเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศให้เป็นทางเลือก ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 27 (KTFFE27) อายุโครงการ 6 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 28 (KTFFE28) อายุโครงการ 3 เดือน เสนอขายวันที่ 5-11 สิงหาคม 2558 ผ่านสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ

ทั้งนี้ กองทุน KTFFE27 เน้นลงทุนใน MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A., ออกโดย Banco Latinoamericano de Comercio Exterior S.A., ออกโดยTurkiye Vakiflar Bankasi TAO,เงินฝากประจำ PT Bank Rakyat Indonesia (PERSERO) Tbk และเงินฝากประจำ Yapi ve Kredi Bankasi A.S. ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.95% ต่อปี

ส่วนกองทุน KTFFE28 เน้นลงทุนใน MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A.,ออกโดย Turkiye Vakiflar Bankasi TAO,เงินฝากประจำ Bank of China (Macau) และเงินฝากประจำ Yapi ve Kredi Bankasi A.S.ในสัดส่วน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของบมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.75% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน บุคคลธรรมดา ผลตอบแทนไม่เสียภาษี

นางชวินดา กล่าวว่า ผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบๆ จากการที่ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ โดยตราสารหนี้ระยะสั้นกว่า 1 ปี อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลงตามความคาดหวังว่า อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบ ในขณะที่ตราสารหนี้อายุมากกว่า 1 ปี อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนในประเทศที่มองว่าอัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำเกินไปและนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการที่เงินบาทมีการอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วและหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบก็อาจทำให้เงินบาทยิ่งอ่อนค่าลงไปอีก สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

ทางด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุน้อยกว่า 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ระบุว่า Fed พร้อมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภายในปีนี้เมื่อตลาดแรงงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม ในขณะที่พันธบัตรอายุคงเหลือตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไปอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาหุ้น ประกอบกับการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจชะลอตัวหลังตัวเลขดัชนีราคาค่าจ้างแรงงาน (Employment Cost Index) ไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าคาดและต่ำสุดในรอบ 33 ปี

โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง -3 bps. มาอยู่ที่ 0.67% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง -10 bps. มาอยู่ที่ 1.54% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง -7 bps.มาอยู่ที่ 2.20% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็น ตัวเลขการจ้างงาน และทิศทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดและต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ