ASEFA ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 7.10 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 91.89%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 5, 2015 12:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น ASEFA ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.40 บาท(+91.89%)จากราคาขาย IPO ที่ 3.70 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,341.67 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 7.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.65 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.95 บาท

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ.อาซีฟา(ASEFA) เปิดเผยว่า ราคาเปิดเทรดวันแรกถือว่ามีความเหมาะสม โดย ASEFA มีผลประกอบการที่ถือว่าสามารถให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้ค่อนข้างดี

ในขณะเดียวกันยังเป็นการสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐาน ในฐานะที่เป็นอันดับ 1 ของตลาดนี้ และยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ อาทิเช่น รถไฟฟ้า ที่เตรียมจะก่อสร้างอีกหลายสาย และโรงไฟฟ้าต่างๆที่เตรียมก่อสร้างด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้สินค้าของบริษัทฯเกือบทั้งหมด

"IPO ในช่วงที่ผ่านมาถือว่ายังมีเสน่ห์ และได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ทำให้ราคา IPO ประสบความสำเร็จ โดยหุ้น IPO 4-5 ตัวที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน หุ้นจองยังมีเสน่ห์ต่อนักลงทุนสถิติ 90% ยังให้ผลตอบแทนดี"นายสมภพ กล่าว

ส่วนนายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ ASEFA เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาทำธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็กร่วมกับพันธมิตร หลังป้อนอุปกรณ์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าโรงไฟฟ้า ทำให้คาดจะได้เห็นความชัดเจนในการศึกษาโรงไฟฟ้าปีนี้ โดยคาดได้ความชัดเจนปีนี้ ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้

ด้านบล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯกำหนด Fair Value ปี 2558 ของ ASEFA อิงวิธี DCF (WACC 9.33%) เท่ากับ 4.80 บาท เทียบเท่าค่า PER เฉลี่ยที่ 14.4 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรที่ 16.1 เท่านอกจากนี้ ยังสามารถคาดหวังเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยราว 4-5% p.a. ภายใต้ payout ratio ที่ 50% ของกำไรสุทธิ

โดยคาดกำไรสุทธิปี 2558-60 จะเติบโตเฉลี่ยอย่างมีนัยฯ ถึง 28.6% p.a. (CAGR) ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ จากการเดินหน้าตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งโครงการดังกล่าวล้วนต้องใช้สวิตช์บอร์ดในการตัดต่อและควบคุมไฟฟ้าทั้งสิ้น หนุนรายได้ของบริษัทฯ จากโครงการภาครัฐและเอกชนสามารถเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกันที่ระดับ 17.9% p.a. โดยคาดสัดส่วนรายได้รวมของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปี ข้างหน้าส่วนใหญ่ยังมาจากภาคเอกชนและโครงการลงทุนจากภาครัฐ

ASEFA ในฐานะผู้นำการผลิตสวิตช์บอร์ดของไทยที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับ โดยคาดกำไรสุทธิเติบโตเชิงรุกมากใน 3 ปีข้างหน้าขับเคลื่อนด้วยการเดินหน้าโครงการลงทุนพื้นฐานจากทั้งภาครัฐและเอกชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ