(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนทิศทางลง ตามตลาดตปท.-แนวโน้มลดเป้ากำไรบจ.ถ่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 7, 2015 09:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวผันผวนในทิศทางลง ตามตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งดัชนีดาวโจนส์ และตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่ยังมีปัจจัยถ่วงจากภายในประเทศทั้งการปรับลดตัวเลขเป้าหมายส่งออกของไทยในปีนี้เป็นติดลบ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต รวมถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมา ทำให้มีแนวโน้มที่อาจจะมีการปรับลดประมาณการกำไรทั้งปี โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีนวันนี้ที่ 1,420-1,440 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะผันผวนในทิศทางลง หลังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา โดยในส่วนของปัจจัยภายในประเทศยังถูกดดันจากการที่กระทรวงพาณิชย์ ปรับลดเป้าหมายตัวเลขส่งออกในปีนี้เป็นติดลบ 3% จากเดิมคาดโต 1.2% ขณะที่การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่ทยอยออกมา มีแนวโน้มที่จะเห็นการปรับลดเป้าประมาณการกำไรของบจ.ในปีนี้

นอกจากนี้ในส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคงเป็นไปในทิศทางเชิงลบ โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดเมื่อคืนนี้ร่วงลงแรง และตลาดหุ้นภูมิภาคที่เปิดทำการเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีเคลื่อนไหวบริเวณ 1,420-1,440 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(6 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,419.75 จุด ลดลง 120.72 จุด(-0.69%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,056.44 จุด ลดลง 83.50 จุด(-1.62%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.56 จุด ลดลง 16.28 จุด(-0.78%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 62.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 31.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 47.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 40.55 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.90 จุด, และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.31 จุด

ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันครบรอบ 50 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐสิงคโปร์

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(6 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,430.58 จุด ลดลง 5.78 จุด (-0.40%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,351.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ส.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(6 ส.ค.58) ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 49 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(6 ส.ค.58)ที่ 6.61 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเช้านี้เปิด 35.14/16 แนวโน้มทรงตัวรอตัวเลขศก.สหรัฐ โดยมองกรอบ 35.10-35.20
  • รมว.คลัง เปิดเผยถึง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดกที่ได้ลงในประกาศราชกิจนุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้สมบูรณ์แล้วแต่ในกฎหมายได้กำหนดว่ากรมสรรพากรจะเริ่มเก็บภาษีจากผู้รับมรดกได้จริงหลังจาก 180 วัน ที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือประมาณต้นปี 59 โดยมอบหมายให้กรมสรรพากรเตรียมพร้อมจัดเก็บภาษีผู้รับมรดกเป็นที่เรียบร้อย ประเมินว่าการเก็บภาษีมรดกจะได้ปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท
  • กระทรวงพาณิขย์ปรับประมาณการตัวเลขการส่งออกไทยปี 58 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าโต 1.2% หรือมูลค่า 230,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นติดลบ 3% หรือ 220,698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ, อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการตั้งเป้าหมายส่งออกติดลบครั้งแรกของไทยจากปีก่อน ๆ ที่ขยายตัวมาตลอด
  • สำนักบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า กองทุนยังมีเม็ดเงินสำหรับลงทุนในหุ้นไทยอีก 1-2 หมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าลงทุนในช่วงใดขึ้นอยู่กับสภาพตลาดเป็นหลัก หากราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนฯเล็งไว้ปรับราคาลงมาในระดับที่ตั้งเป้าหมายก็จะเข้าลงทุนทันที โดยสนใจหุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลสูง ทั้งนี้ในช่วงที่หุ้นไทยปรับลงต่อเนื่องเป็นจังหวะดีที่กองทุนจะเริ่มเก็บหลักทรัพย์เข้าพอร์ต
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.58 ที่สำรวจจากประชาชนทั่วประเทศ 2,245 คน ว่าดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยในเดือน ก.ค.58 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 73.4 ลดจาก 74.4 ในเดือน มิ.ย.58 ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 54.8 ลดจาก 55.9 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 80.5 ลดจาก 81.5 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 62.6 ลดจาก 63.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 68.6 ลดจาก 69.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 88.8 ลดจาก 90.0
  • สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เตรียมผลักดันรื้อเกณฑ์ห้ามโอนหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ระบุแนวทางดังกล่าวไม่เป็นการลิดรอนสิทธิลูกค้า เตรียมหารือ 3 ฝ่ายหาแนวทางดำเนินการ ด้านก.ล.ต. เดินหน้า สุ่มตรวจธุรกรรมบล.เออีซี
  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่24/2558เรื่องการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมเพิ่มเติมระบุว่าเพื่อให้จำนวนเรือไทยสำหรับการประมงอยู่ในภาวะสมดุลกับทรัพยากรสัตว์น้ำ
  • นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่าปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ต้องใช้การบริหารจัดการที่ดีแก้ไขเอาการเมืองมาจัดการไม่ได้รัฐบาลควรทำบางอย่างไม่ควรทำทุกอย่างหากยังคงทำอยู่อย่างนี้รัฐบาลติดควรทำบางอย่างไม่ควรทำทุกอย่างหากยังคงทำอยู่อย่างนี้รัฐบาลติดกับดักความคิดตัวเองไทยจะไม่มีทางหลุดพ้นประเทศที่มีรายได้ปานกลางได้

*หุ้นเด่นวันนี้

-ITD (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"เก็งกำไร"ให้ราคาเหมาะสมที่ 12 บาท คาดว่าหุ้น ITD จะตอบรับเชิงบวกต่อเนื่อง หลังได้ลงนามข้อตกลงพัฒนาโครงการทวายร่วมกับรัฐบาลไทย – พม่าแล้ว โดย ITD จะเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งได้สิทธิสัมปทานในการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึก, โรงไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่าจะมีการประมูลโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ ฉะเชิงเทรา – แก่งคอย มูลค่า 10,524 ล้านบาท

-ADVANC (ยูโอเบี เคย์เฮียนฯ) มองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดแคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick โดยมี Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%

-TVD (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ในฐานะหุ้น Turnaround ประเมินราคาเป้าหมายปีนี้ 2.50 บาท หลังรื้อองค์กรใหม่โดยขายส่วนงานขาดทุน รุกช่องทาง Online และ Home Shopping ที่กำลังโตเร็ว และลดรายจ่ายในสื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ และปิดสาขา Showcase ที่กำไรปริ่มน้ำ ซึ่งเริ่มเห็นผลแล้วตั้งแต่ 2Q15 ที่คาดกำไร +48% Y-Y เป็น 9 ล้านบาท และคาดทั้งปีพลิกเป็นกำไร 55 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 11 ล้านบาท ส่วนอีก 3 ปีข้างหน้าคาดโตเฉลี่ย 30% ต่อปี ตามการขยายตัวของ Home Shopping การเริ่มทำธุรกิจนายหน้าประกัน และสร้างสินค้า House brand ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE ปีนี้ที่ 23 เท่า และเหลือ 18 เท่าปีหน้า ไม่แพงเมื่อเทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ 26 เท่า

-LPN (ดีบีเอสฯ) คงคำแนะนำ ซื้อ แม้ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลงในอัตรา 5% ด้วยสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงคือ อนุรักษ์นิยมมากขึ้น และสะท้อน 2Q58 ที่ออกมาด้วย อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิหลังปรับลงก็ยังเติบโตดีเทียบ y-o-y คือ ปีนี้ +35% และปีหน้า +8% ส่วนราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 18.50 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 10 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มไม่มากนักเป็น 7% แต่เมื่อผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ที่ 5.3% รวมผลตอบแทนทั้งหมดเป็น 12.3% โดยบริษัทประกาศปันผลระหว่างกาลออกมาเป็น 0.30 บาท ขึ้น XD 19 ส.ค.58 และจ่ายปันผล 3 ก.ย.58


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ