BECL คาด บ.ใหม่หลังควบรวมเข้าเทรด พ.ย.,รับรู้กำไรขายหุ้น BMCL พันลบ.ใน Q3/58

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 25, 2015 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)กล่าวถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการกับ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL)ว่า ขณะนี้คาดว่าขั้นตอนภาครัฐอาจจะไม่ทันกำหนดการควบรวมให้เสร็จสิ้นได้ทันภายในวันที่ 2 ต.ค.นี้ จึงได้มีหนังสือเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทั้ง BMCL และ BECL พร้อมกันในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เพื่อขอขยายเวลาการตั้งบริษัทใหม่หลังการรควบรวมกิจการออกไปอีก 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนการอนุมัติการควบรวมกิจการจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในไตรมาส 3/58 จากนั้นจะสามารถจัดตั้งบริษัทใหม่ และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลังควบรวมกิจการแล้วไม่น่าเกินเดือน พ.ย.นี้

นางพเยาว์ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 4.4 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,351 ล้านบาท เนื่องจากประเมินปริมาณจราจรจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่เฉลี่ย 1.13 ล้านคัน/วัน จากการเปิดภาคเรียนในไตรมาส 3/58 ช่วยทำให้รายได้ดีขึ้น และราคาน้ำมันไม่แพง ทำให้การเดินทางรถยนต์ส่วนบุคคลมีมากกว่ารถสาธารณะ โดยเฉพาะเดือน พ.ย.-ธ.ค.จะเป็นช่วงที่มีปริมาณจราจรใช้ทางด่วนมาก

นอกจากนี้ บริษัทได้ขายหุ้น BMCL ออกไปในราคาที่ 1.79 บาท/หุ้น จากที่ราคาต้นทุน 1.14 บาท/หุ้น ทำให้บริษัทมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL ประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่ทงจะบันทึกกำไรในไตรมาส 3/58

"ครึ่งปีหลังเราเชื่อว่าผลประกอบการไม่ด้อยกว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก...ส่วนกำไรดีเพราะเราเชื่อว่า Traffic โตดี คุมค่าใช้จ่าย และขายเงินลงทุน"นางพเยาว์กล่าว

นางพเยาว์ คาดว่าในปี 58 รายได้จะเติบโต 4% ตามปริมาณจราจรที่คาดเติบโต 4% จากปีก่อนที่มีปริมาณจราจร 1.10 ล้านคัน/วัน ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าใกล้เคียงปีก่อน เพราะปีที่แล้วบริษัทก็มีรายการขายเงินลงทุนเช่นกัน โดยในปี 57 บริษัทมีรายได้ 9.7 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,205 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (SOE) ณ เดือน ก.ค.58 มีความก้าวหน้ากว่า 70% โดยอยู่ระหว่างงานก่อสร้างสายทางหลัก งานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา งานอาคารด่าน และโครงสร้างทางขึ้น-ลง คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือน ก.ค. 59 ซึ่งเร็วกว่าแผนที่กำหนดเปิด ธ.ค. 59

โครงการนี้ได้รับสัมปทาน 30 ปี (15 ธ.ค.55-15 ธ.ค.85)มูลค่าเงินลงทุน 22,500 ล้านบาท คาดว่าปีแรกที่เปิดดำเนินการจะมีปริมาณจราจร 97,000 คัน/วัน เก็บค่าผ่านทาง 50 บาท/คัน(รถสี่ล้อ) บริษัทจะแบ่งส่วนรายได้ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยหลังจากโครงการนี้ได้รับผลตอบแทน(IRR) เกินกว่า 13.5%

ทั้งนี้ อายุสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ในเขตเมือง (ส่วน A และ B) จะหมดในเดือน ก.พ. ปี 63 สำหรับในเขตนอกเมือง ส่วนทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D จะหมดอายุสัมปทานในเม.ย.70 และส่วนโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด หรือทางด่วนส่วน C+ ) จะหมดอายุสัมปทานในเดือนพ.ย.69

นางพเยาว์ กล่าวว่า บริษัทสามารถต่ออายุสัมปทานได้ 2 ครั้งๆละ 10 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เจรจากันแต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ