(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ เฟดไม่ชัดขึ้นดบ.-ขายทำกำไรหลังหุ้นขึ้นแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 31, 2015 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดการณืดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงช่วงเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นค่อนข้างมากทำให้อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาในวันนี้ เพื่อรอดูปัจจัยอื่นเข้ามาเพิ่มเติม แต่ยังคาดหวังเรื่องแรงซื้อของกองทุนในประเทศที่น่าจะยังคงมีเข้ามาอยู่ และทิศทางตลาดหุ้นที่จะน่าจะดีขึ้นในช่วงเดือนก.ย.จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ โดยให้แนวรับบริเวณ 1,358-1,360 จุด และแนวต้านที่ 1,380-1,390 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหว sideways หลังเฟดยังไม่มีความชัดเจนช่วงเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ยังไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้หรือไม่

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอาจจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา หลังจากที่ดัชนีดีดตัวขึ้นมามากในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนเกือบถึงระดับเดิมก่อนที่ดัชนีจะปรับตัวลงแรงตามความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับตลาดยังรอปัจจัยใหม่ๆที่จะเข้ามาเพิ่มเติมด้วย

อย่างไรก็ตาม ดัชนียังมีปัจจัยบวกหนุนจากการที่คาดว่ากองทุนในประเทศ น่าจะยังคงเข้าซื้อหุ้นกลับคืนในตลาดต่อเนื่องหลังจากที่ได้ขายออกไปช่วงก่อนหน้านี้ราว 12,000 ล้านบาท ประกอบกับยังมองตลาดในเดือนก.ย.ยังมีทิศทางที่ดี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงการที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) น่าจะลงมติผ่านร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ทำให้ตลาดคาดหวังเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

พร้อมให้แนวรับที่บริเวณ 1,358-1,360 จุด และแนวต้านที่ 1,380-1,390 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(28 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,643.01 จุด ลดลง 11.76 จุด (-0.07%) จุด , ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,828.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด (+0.32%) ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,988.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.21 จุด (+0.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 129.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 28.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 180.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 3.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 31.24 จุด, ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติมาเลเซีย
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 ส.ค.58) 1,365.94 จุด เพิ่มขึ้น 7.91 จุด (+0.58%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,207.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 ส.ค.58) ปิดที่ 45.22 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.66 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 ส.ค.58)ที่ 4.29 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.85 ติดตามผลประชุม ECB-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
  • การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันประจำเดือนกันยายนนี้ เตรียมปรับเป้าตัวเลขส่งออกทั้งปี 2558 ลงอีกครั้งจากเดิมติดลบ 2% เป็นติดลบ 4% และปรับลดเป็น GDP จากโต 3.5% เป็นไม่ถึง 3% หลังตัวเลขส่งออก 7 เดือน ยังลดต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจโลกมีแต่ปัจจัยรุมเร้า ยังหวังครม.ใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปี
  • นายบุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิลค์สแปน เปิดเผยว่า ในช่วงนี้สินเชื่อประเภทรถแลกเงินมีอัตราการเติบโตสูงและเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาก เนื่องจากสามารถนำเงินสดที่ได้จากการนำรถมาเป็นหลักประกันสินเชื่อไปเป็นทุนหมุนเวียนทางธุรกิจได้
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ ชะลอตัวลงทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยกู้ โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล นอกจากนี้ลูกค้าในกลุ่มข้าราชการก็ต้องยอมรับว่าช่วงหลังๆ นี้ มีความเสี่ยงเครดิตเพิ่มขึ้น และสถาบันการเงินเริ่มไม่ได้สิทธิพิเศษในการปล่อยกู้เหมือนในอดีตแล้ว
  • นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ม.ค.2559 อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ที่คิดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) จะมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้รถที่นำออกจากโรงงาน รวมถึงรถยนต์ที่นำเข้าและเสียภาษีสำเร็จตั้งแต่วันดังกล่าว จะต้องเสียภาษีในอัตราใหม่ทันทีไม่มีการยกเว้น
  • แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางแก้ปัญหากรณีสินค้าอุปโภคและบริโภคในประเทศมีราคาสูง ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลงแล้ว พร้อมทั้งสั่งการให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดราคากลางของสินค้าอุปโภคและบริโภคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะระดับราคาน้ำมันที่ลดลง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภค
  • แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังได้เรียกผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ให้ปล่อยกู้ไม่คิดดอกเบี้ยกับกองทุนหมู่บ้านให้มากที่สุด จากเดิมจะให้ปล่อยรวมกัน 4 หมื่นล้านบาท แต่ได้ขอให้ขยายวงเงินเพิ่มเป็น 6 หมื่นล้านบาท เพื่อไปปล่อยกู้กับสมาชิกของกองทุนเพื่อให้นำไปใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
  • KTC(ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 115 บาท โดยมองว่านโยบายการตั้งสำรองแบบระมัดระวัง และความสำเร็จในการบริหาร NPL ของ KTC ทำให้ coverage ratio เพิ่มขึ้นมากจาก 195% ในปี 2012 มาอยู่ที่ 364% ในปี 2014 และ 393% ใน 1H15 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในบรรดาบริษัทสินเชื่อเพื่อการบริโภค (Consumer Finance) และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม แม้ KTC จะไม่มีนโยบายโอนกลับตั้งสำรองพิเศษเพื่อเป็นกำไร แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารตั้งสำรองพิเศษเพื่อให้มีกำไรได้อย่างสม่ำเสมอหากจำเป็นในอนาคต ด้วยเรามองว่า coverage ratio ที่ 300% เป็นระดับที่สูงเกินไป เราจึงได้ประเมินมูลค่าที่ซ่อนไว้ได้ที่ 4.35 บาท/หุ้น หรือ 54% ของกำไรต่อหุ้นปี 2015 และ 5% ของราคาหุ้นปัจจุบัน
  • THCOM (เคเคเทรด) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 51 บาท โดยเชื่อว่าข่าวการเปลี่ยนผู้บริหาร เป็นปัจจัยทางจิตวิทยาที่จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยนไป โดยคาดกำไรในระยะ 1-2 ปีนี้ยังสดใส จึงยังคงการประเมินกำไรปี 58 – 59 ไว้ตามเดิมที่ 2.2 พันล้านบาท (+40% YoY) และ 2.6 พันล้านบาท (+17% YoY) ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ย 28% นอกจากนี้ยังมี upside จากดาวเทียมไทยคม 8 ที่มีกำหนดจะจัดส่งสู่วงโคจรในช่วง 1H59 แต่ยังไม่รวมในประมาณการ และแม้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไป 12.7% จากต้นปีที่ผ่านมา (5 ม.ค. 58 – 28 ก.ย. 58) แต่ถือว่าใกล้เคียงเมื่อเทียบภาพรวมของกลุ่ม (ดัชนีกลุ่ม ICT ในช่วงเดียวกัน ลดลง 12.4%) ขณะที่คาด THCOM มีอัตราการเติบโตกำไรที่สูงกว่ากลุ่ม ดังนั้นจึงเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงในช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
  • KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"สะสม"ให้ราคาเหมาะสมที่ 21.03 บาท โดยคาดว่าราคาหุ้น KTB จะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากเชื่อว่าการประชุมครม.และครม.เศรษฐกิจในวันอังคาร – พุธนี้ จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นกำลังซื้อของคนรายได้น้อยที่เป็นนโยบายหลักของครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูก ซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 7.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 9.3 เท่า และ PBV 2558 เพียง 0.9 เท่า ต่ำว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.1 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ