"ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์"เตรียมขายหุ้น IPO 168 ล้านหุ้นใช้ขยายธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 2, 2015 10:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บมจ. ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ ได้ยื่น Filing version แรกเมื่อวันที 1 กันยายน 2558 เนื่องจากบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)จำนวน 168 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายต่อประชาชนจำนวน 159 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 9 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยมีบล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

บมจ. ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) ประกอบธุรกิจจัดหา ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชา และกาแฟ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ร่วมพัฒนากับพันธมิตรทางธุรกิจ (Business to Business : B2B) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในโถกดที่เป็นรสชาติหลัก ได้แก่ กาแฟเย็น ซึ่งเป็นตราสินค้าของ 7-Eleven และชานม ภายใต้ตราสินค้า"เซนย่า"ของบริษัทฯ, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงพร้อมชง และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯร่วมพัฒนาเพื่อจำหน่ายเป็นครั้งคราวหรือตามฤดูกาล

2. ผลิตภัณฑ์ที่จัดจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ(Business to Customer : B2C) ได้แก่ ชาเขียวพร้อมดื่มตรา"เซนย่า", กาแฟปรุงสำเร็จตรา"วีสลิม", เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงตรา"ชาช่า", "ตรา ณ อรุณ" และตรา"สวัสดี" ซึ่งบริษัทจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในเดือนม.ค.-มิ.ย.2558 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 321.30 ล้านบาท หนี้สินรวม 201.42 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 119.89 ล้านบาท และมีรายได้รวม 498.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 38.95 ล้านบาท

ณ วันที่ 28 ส.ค.58 บริษัทฯมีทุนจดทะเบียนจำนวน 152 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 110 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 440 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วบริษัทฯจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 152 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 608 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้น 0.25 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณวันที่ 28 ส.ค.58 คือ นายชัชชวี วัฒนสุข ถือหุ้น 178,565,143 หุ้นหรือคิดเป็น 40.58% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 29.37% รองลงมาคือ นายทนุธรรม เกียรติไพบูลย์ ถือหุ้น 109,473,143 หุ้นหรือคิดเป็น 24.88% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 18.01%

บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ