ส่วนมุมมองต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นป์นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,450 จุด ในระดับ P/E 13 เท่า โดยปัจจัยขับเคลื่อนดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากแผนการลงทุนของภาครัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าจะยังมีผลไม่มากในช่วงที่เหลือของปี แต่เป็นปัจจัยที่โดดเด่นเข้าช่วยประคองเศรษฐกิจไทย ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังชะลอ นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้และปีหน้า ขณะที่อัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะบียนไนประเทศปีนี้คาดว่าจะอยู่ 13%
"เราก็หวังว่าตลาดหุ้นไทยจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและหลังจากนี้สถานการณ์ต่างๆจะค่อยๆดีขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในส่วนของการเบิกจ่ายรัฐ ซึ่งก็ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะเบิกจ่ายได้ตามเป้าไหม และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่ จะเห็นได้จาก IMF ปรับลด GDP โลกลงเหลือ 3% จากเดิม 3.3% และในปี 59 ลดมาเป็น 3.6% จาก 3.8% สะท้อนเห็นว่าศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ส่วนไทยก็โดนไปด้วย IMF ลด GDP ของเราเหลือ 2.5% ปีหน้าก็มาอยู่ที่ 3.2% ซึ่งทิศทางตลาดหุ้นไทยก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ"นายต่อ กล่าว
ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นในปี 59 คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 1,640 จุด ที่ระดับ P/E 16 เท่า ปัจจัยสนับสนุนมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐ อีกทั้งการกระจายรายได้เข้าสู่ผู้มีรายได้น้อย ทำให้การบริโภคภาคครัวเรือนขยายตัว เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบมากขึ้น และการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาคการส่งออกในปีหน้าจะให้ความสำคัญลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น ทำให้การส่งออกอาจจะยังไม่ดีอยู่ แต่จะเน้นการเติบโตในประเทศเป็นหลัก ซึ่งย่งคงต้องพึ่งพานโยบายจากภาครัฐเป็นตัวผลักดัน ส่วนปัจจัยเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในปีหน้าจะไม่มีผลกระทบมากกับตลาดหุ้นมากนัก เพราะมีการรับรู้ไปเยอะแล้ว แต่ตอนนี้คนรอเพียงเวลาว่าเมื่อใดธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าจะไม่กดดันตลาดหุ้นไทยในปีหน้า