JMART สรุปดีลซื้อกิจการหรือร่วมทุนพันธมิตร 1 รายปีนี้สร้างรายได้ระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 9, 2015 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการหรือเป็นพันธมิตรร่วมทุนในธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้จำนวน 1 ดีล ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
"ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นรูปแบบไหน แต่น่าจะได้ข้อสรุปได้ภายในปีนี้ โดยเป็นไปได้ทั้งการเข้าซื้อกิจการและการเข้าไปร่วมลงทุน ซึ่งจะเป็นในธุรกิจค้าปลีก ที่ถือว่าบริษัทมีจุดเด่นและจุดแข็ง"นายอดิศักดิ์ กล่าว

บริษัทคาดรายได้และกำไรปี 59 จะเพิ่มขึ้นจากปีนี้ เนื่องจากบริษัทย่อยจะมีผลประกอบการดีขึ้นในปีหน้า ประกอบไปด้วย ธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์เสริมและสินค้าเทคโนโลยี, ธุรกิจการบริหารพื้นที่ค้าปลีก ศูนย์รวมจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภายใต้การบริหารของ บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท และธุรกิจบริการติดตามเร่งรัดหนี้และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ของ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT) รวมถึงบริษัทร่วมทุน บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่จะทำให้ผลประกอบการของ JMART ปรับตัวดีขึ้นไปด้วย ขณะที่ธุรกิจหลักจากการจำหน่ายมือถือ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังภาครัฐกำหนดวันประมูลคลื่นความถี่ 4G ในปีนี้ และปลายปีมีการเปิดตัวของสินค้าแบรนด์ IPhone รุ่นใหม่ ก็น่าจะส่งผลต่อยอดขายมือถือเติบโตไปได้

สำหรับการดำเนินงานปีหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดงานแถลงข่าวได้ในเดือน ธ.ค.นี้

ด้านนายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าพอร์ตบริหารหนี้ในปี 58 จะอยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท จากปี 57 มีพอร์ตหนี้บริหารอยู่ที่ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 4/58 จะมีการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันซื้อมาแล้ว 20,000 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายปี 59 จะซื้อหนี้เข้ามาบริหารอีก 30,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล จากที่ผ่านมาสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อบุคคลจำนวนมาก ทำให้มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเริ่มให้บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ในเดือน ธ.ค. นี้ โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดการปล่อยสินเชื่อรวม 370 ล้านบาท ทั้งนาโนไฟแนนซ์ คาร์ฟอร์แคช และสินเชื่อส่วนบุคคล และปีหน้าคาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนั้นด้วย ขณะที่ JMT จะทำธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ผ่านบริษัทย่อยคือ JMT PLUS ที่ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามหนี้สินและให้สินเชื่อเช่าซื้อ โดยมีแผนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปี 60 แต่ต้องรอให้บริษัทฯมีกำไรก่อน จากปัจจุบันที่มีผลขาดทุนอยู่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ