(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีช่วงเช้านี้แกว่งผันผวน นักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ให้ติดตามการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 ของบริษัทจดทะเบียนไทย และติดตามกรณีที่ผู้บริหารบมจ.ทีโอที เตรียมยื่นเรื่องขอบอร์ดอนุมติเร็วๆนี้ เพื่อขอคำสั่งศาลให้ระงับประมูลคลื่นความถี่ 4G เฉพาะคลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งอาจจะกดดันต่อหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้การประมูล 4 จะสะดุดได้ รวมถึงการเคลื่อนไหวของหุ้นธ.กรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ ถ้าวันนี้ปรับตัวลง ก็จะส่งผลต่อดัชนีพอสมควร

สำหรับในวันนี้มองตลาดหุ้นไทยมีแนวต้านบริเวณ 1,415-1,420 และแนวรับบริเวณ 1,400 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(14 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,924.75 จุด ร่วงลง 157.14 จุด(-0.92%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,782.85 จุด ลดลง 13.76 จุด(-0.29%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.24 จุด ลดลง 9.45 จุด(-0.47%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 86.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 7.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 227.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 50.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.12 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(14 ต.ค.58)1,405.08 จุด ลดลง 1.61 จุด(-0.11%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 934.06 จุด เมื่อวันที่ 14 ต.ค.58
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(14 ต.ค.58) ปิดที่ 46.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2 เซนต์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(14 ต.ค.58)ที่ 6.31 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดวันนี้ 35.15/19 แข็งค่าจากแรงเทขายดอลล์ หลังข้อมูลศก.สหรัฐอ่อนแอ
• นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย. ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 82.8 จาก 82.4 ในเดือนก่อนหน้า ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในได้รอบ 9 เดือน จากการที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเริ่มส่งผลบวกต่อการส่งออก
• "สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์"รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า มีความกังวลว่าในระยะยาว 3 ปีหลังจากนี้ไป หากไทยยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยไปยังตลาดอเมริกาเหนือ ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออก 5.5% จากปี 2557 ที่มีสัดส่วนแค่ 3.5%
• ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีประเมินเศรษฐกิจปีหน้าโตได้ 3.5% รับแรงส่งจากการลงทุนที่นำโดยภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่ส่งออกยังไม่สดใส กังวลเศรษฐกิจจีนโตในอัตราชะลอต่อเนื่อง ส่วนปีนี้ปรับเป้าจีดีพีเหลือ 2.7% จาก 3% และส่งออกดิ่งลึกกว่าคาดติดลบ 5% จากเดิม 2% ค่าบาทยังแนวโน้มอ่อนรอเฟดชัดเจน
• ผู้บริหารทีโอทีเตรียมเสนอบอร์ด 20 ต.ค. อนุมัติยื่นฟ้อง กสทช.ต่อศาลปกครอง ขอคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้นำคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปประมูล 4จี ยันมีสิทธิถือครอง ด้านสหภาพย้ำจุดยืน ค้านยกคลื่นให้ กสทช. พร้อมร่อนหนังสือจี้ฝ่ายบริหารและบอร์ดนำคลื่นกลับ มั่นใจสามารถใช้ได้จนถึงปี'68

*หุ้นเด่นวันนี้

• WHA (เคเคเทรด)เป้า 5.60 บาท Laggard plays วานนี้ WHA (+2.5%) ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นกลุ่มนิคมฯตัวอื่นอย่าง AMATA (+3.6%) และ ROJNA (+10.1%), คาดได้รับ Sentiment เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ คือ การรวมกลุ่มคลัสเตอร์ 6 อุตสาหกรรม, ราคาหุ้นลงไปทดสอบแนวรับ 3.26 บาท บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแต่ไม่หลุด วันนี้ คาดมีโมเมนตัมเชิงบวกหนุนราคาหุ้นต่อ
• SAWAD(เคเคเทรด)เป้า 49.75 บาท คาดผลประกอบการ 2H58 เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องจาก 1H58 จากนโยบายการขยายสาขาเชิงรุกและต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้
• KBANK(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 223 บาท แม้แทบจะทุกธนาคารจะมีคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ แต่ KBANK อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าธนาคารอื่น คาดกำไรก่อนตั้งสำรองโตเร็วกว่าธนาคารอื่น ยังคงเป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่
• กลุ่มเช่าซื้อ และชิ้นส่วนยานยนต์(ธนชาต)"ซื้อ"คาดยอดซื้อรถเร่งตัวในช่วงปลายปีจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตใหม่ และปัจจุบันเองก็เห็นสัญญาณฟื้นตัวยอดขายรถบ้างแล้ว แนะนำ"ซื้อ" TISCO, KKP, EPG, SAT
• TISCO(ฟันันเซีย ไซรัส)"ซื้อลงทุน"เป้าปีหน้า 42.70 บาท โดยมีจุดเด่นเรื่อง Dividend yield 5.4% สูงสุดในกลุ่ม ทั้งนี้ ไม่คาดหวังกับกำไรใน 4Q15 (ซึ่งคาดว่าทรงตัว Q-Q) และสินเชื่อในปี 2016 ยังไม่ขยายตัว ซึ่งทำให้ TISCO ไม่จำเป็นต้องเก็บเงินกองทุนไว้มากๆเพื่อขยายธุรกิจในปีหน้า เงินปันผลที่จะจ่ายจากผลประกอบการในปีนี้จึงน่าจะเท่าปีก่อนคือ 2 บาท/หุ้น
• FSMART(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อเป้าปีหน้า 16 บาท คาดกำไร 3Q15 โตต่อเนื่อง 6% Q-Q และก้าวกระโดด 102% Y-Y จากยอดการเติมเงินผ่านตู้เติมเงิน "บุญเติม" เพิ่มตามจำนวนตู้ที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรจะยังดีต่อเนื่องใน 4Q15 ซึ่งทำให้กำไรทั้งปี 2015 น่าจะโตได้ถึง 78.6% Y-Y และด้วยศักยภาพในการขยายจำนวนตู้เติมเงินที่สูง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการใหม่ๆ ทำให้คาดกำไรในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2015-17) จะเติบโตเฉลี่ยถึง 32% ต่อปี ซึ่งจะทำให้ PE ที่สูง 41.1 เท่าในปีนี้ลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 29.2 เท่าในปีหน้า