ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่างาน 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติเปิดประมูล รวมถึงโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะสมุย Phase 4 มูลค่างาน 2,300 ล้านบาท ที่รอเสนอเข้า ครม.เช่นกัน
รวมทั้ง งานสถานีไฟฟ้าย่อยของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)มูลค่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และเตรียมเข้าประมูลงานสายใต้ดินช่องนนทรีของการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) มูลค่างาน 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลในวันที่ 25 ธ.ค.58 ทั้งสองงานนี้จะรู้ผลประมูลในช่วงไตรมาส 1-2/59
สำหรับผลประกอบการในปี 58 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิใกล้เคียงเป้าหมายที่ 300 ล้านบาท หลังจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมามีกำไรสุทธิแล้ว 233.72 ล้านบาท ขณะที่คาดว่ารายได้ทั้งปีจะเข้าเป้า 3,000 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตในทุกๆธุรกิจ โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ Distribution 60% ธุรกิจ Engineering ราว 20-25% และธุรกิจ Telecom ราว 17-20%
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีงานในมือ (Backlog)อีกราว 350 ล้านบาท แบ่งเป็น จากโครงการการสั่งซื้อสาย Optic Drop Wire Round FTTX IF บมจ.ทีโอที(TOT)มูลค่า 57 ล้านบาท งานชิ้นส่วนอะไหล่ 40 ล้านบาท และงานติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) มูลค่า 180 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ ไปจนถึงปี 59
"เราคาดกำไรสุทธิปีนี้คงเป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 3,000 ล้านบาท เพราะ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเรามีรายได้แล้ว 2,398 ล้านบาท เหลืออีกประมาณ 700 ล้านบาท ก็ไม่ได้มีปัญหาสำหรับเรา เพราะส่วนหนึ่งเรามีงานในมือที่จะรับรู้แล้ว และการให้บริการ data center ก็มีลูกค้าเข้ามามากขึ้น"นายณัฐนัย กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการนำบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยอยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เลื่อนออกไปเพื่อรอสรุปงบการเงินในปี 58 และอาจปรับแผนมาเข้าตลาดหลักทรัพย์(SET)แทนเดิมที่คาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไม่เกินวันที่ 24 ม.ค.59 และน่าจะเข้าทำการซื้อขายได้ในช่วงเดือน ส.ค.59