THE คาดพลิกเป็นกำไรใน Q1/59 เชื่อราคาเหล็กผ่านจุดต่ำสุดแล้ว-ดีมานด์โต

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 16, 2015 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เดอะ สตีล (THE) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/59 หลังคาดราคาเหล็กน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และไตรมาส 1/59 บริษัทจะไม่นำเข้าเหล็กมาเทรดดิ้ง แต่จะเน้นการขายเหล็กที่ผลิตเอง ส่วนไตรมาส 4/58 แนวโน้มผลประกอบการน่าจะทรงตัวได้ หลังจากไตรมาส 3/58 ยังขาดทุน

ทิศทางผลประกอบการในปี 59 คาดว่ารายได้รวมจะฟื้นตัวกลับเท่ากับปี 57 ที่ทำรายได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท หลังจากปีนี้รายได้ลดเหลือ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาทตามปริมาณขายและราคาที่ลดลงตามภาวะเหล็กโลก โดยในปีหน้าบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่นราว 120 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ไตรมาส 1/59 หลังบริษัทเข้าซื้อกิจการไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 4 บริษัท ได้แก่ บริษัทเพาเวอร์ เจนเนอชั่น จำกัด (SIPCO) ซึ่งปัจจุบันมีสัญญาขายไฟฟ้า(PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว 90 เมกะวัตต์ และสัญญาซื้อขายไฟกับ บมจ.จี สตีล(GSTEL)ราว 30 เมกะวัตต์ ซึ่งถ้า GSTEL เดินเครื่องเต็มกำลัง จะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากการขายไฟ้ฟ้ารวม 120 เมกะวัตต์ หรือ 300-400 ล้านบาท/เดือนในปี 59

อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นในบริษัท เดอะ สยามเพาเวอร์ จำกัด(TSP)ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่จะลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า เพื่อจะขยายโรงไฟฟ้าโคเจนฯอีก 120 เมกะวัตต์ ซึ่งมี PPA อยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจไฟฟ้า 3-4 ราย เป็นบริษัทในประเทศ 2 ราย และจีนอีก 1 ราย คาดจะสรุปการคัดเลือกพันธมิตรในไตรมาส 1/59

"เราจะต้องตัดสินใจเลือก โดย 90 เมกะวัตต์ที่จะขายไฟให้ กฟผ.มีกำหนด COD 1 ก.ค.61 เพราะฉะนั้นไตรมาส 1/59 ต้องสรุปพันธมิตรได้ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการผลิตไฟฟ้าประเภทอื่นร่วมกับพันธมิตรด้วย โดยสนใจทั้งโซล่าร์ฟาร์ม และพลังงานลม"นายบุญชัย กล่าว

สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทยังมาจากอุตสาหกรรมเหล็ก โดยปี 59 คาดว่าจะมีปริมาณขายอยู่ที่ 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีปริมาณขาย 8 แสนตัน ตามความต้องการเหล็กในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล น่าจะส่งผลตั้งแต่ไตรมาส 1/59 ทั้งการลงทุน การก่อสร้าง รถไฟฟ้า และเมกกะโปรเจ็กต์

อีกทั้งเชื่อว่าราคาเหล็กผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ตั้งแต่ต้นปี 58 ราคาปรับลงกว่า 50% ก็น่าจะ bottom out แล้ว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้รวมในปี 59 กลับไปที่เท่ากับปี 57 ที่ทำรายได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และพลิกเป็นกำไรสุทธิ โดยปัจจุบันบริษัทผลิตเหล็ก เช่น ท่อเหล็กเส้น เหล็กลวด ราว 20% มีอัตรากำไรขั้นต้น 12% และอัตรากำไรสุทธิ 5% ส่วนอีก 80% เป็นการนำเข้าเหล็กมาเทรดดิ้ง ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 5% อัตรากำไรสุทธิ 2%

"ปีนี้ราคาขายเหล็กเหลือ 10 กว่าบาท/กก.จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดเกือบ 50 บาท/กก. ทำให้ขาดทุน แต่ปี 59 คงไม่เห็นราคานี้อีกแล้ว คงเห็นเป็นกำไรขึ้นมา เหล็กคงไม่ขาดทุนแล้ว ตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไปดีมานด์เหล็กในประเทศคงดีขึ้นบ้าง จากตอนนี้ใช้เหล็กต่ำมากราว 20% จาก 100%"นายบุญชัย กล่าว

แท็ก เหล็ก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ