ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดลบ 9.30 จุดขายหุ้นใหญ่ถ่วง,กังวลภัยก่อการร้ายในยุโรป-ศก.ยังไม่แกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 24, 2015 17:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,384.92 จุด ลดลง 9.30 จุด(-0.67%) มูลค่าการซื้อขาย 32,790.96 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,400.20 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,383.03 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 333 หลักทรัพย์ ลดลง 750 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 256 หลักทรัพย์

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงตามตลาดในยุโรปที่เทรดในช่วงบ่ายนี้ติดลบไปมาก เนื่องจากยุโรปก็มีภัยก่อการ้าย และเศรษฐกิจก็ยังไม่แข็งแกร่งมาก จนประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) ออกมาระบุว่าอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ถ้าจำเป็น ซึ่งทางยุโรปก็มีเป้าหมายเงินเฟ้อในระยะยาวที่ 2% แต่ปัจจุบันเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.1% ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายอยู่มาก

ช่วงนี้ตลาดหุ้นมีโอกาสที่จะผันผวนได้ โดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เพราะโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ก็มี และทุกครั้งที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าค่า และเป็นผลลบต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะ Emerging Market และตลาดในเอเชียที่จะกังวลต่อทิศทางราคาน้ำมัน และทองคำ

นอกจากนี้ เศรษฐกิจของจีนก็ยังอ่อนแอ แม้แต่ญี่ปุ่นเศรษฐกิจก็ถดถอยในทางเทคนิค ดูจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 2-3 ของญี่ปุ่นติดลบถึงสองไตรมาส แต่ตลาดฯก็อาจจะมีปัจจัยหนุนบ้างจากทางยุโรปที่อาจจะมีการขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) รวมถึงจีนก็อาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นไทยในช่วงธ.ค.ก็จะได้แรงหนุนจากกองทุน LTF, RMF เข้ามา

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(25 พ.ย.)น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสอ่อนตัวลงได้ พร้อมให้ติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ, ราคาน้ำมัน และตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำอย่าง สหรัฐฯ, จีน, ยุโรป และญี่ปุ่น โดยให้แนวรับ 1,375-1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,400 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,184.34 ล้านบาท ปิดที่ 8.70 บาท ลดลง 0.40 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,579.41 ล้านบาท ปิดที่ 5.10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,047.41 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 984.01 ล้านบาท ปิดที่ 208.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 712.95 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง 1.25 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ