(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดภูมิภาค เหตุ MSCI ปรับน้ำหนักลงทุนใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 30, 2015 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ โดยเฉพาะตลาดเกาหลี และตลาดไต้หวัน ติดลบมากกว่าตลาดอื่น เนื่องจากมีปัจจัยหลักจากเรื่อง MSCI ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนใหม่ไปทั่วทั้งภูมิภาค ยกเว้นจีน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวลง อีกทั้งตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยหนุนอะไรเข้ามา อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ โดยตลาดฯคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน

พร้อมให้แนรับ 1,350-1,355 จุด ส่วนแนวต้าน 1,375-1,380 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(27 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,798.49 จุด ลดลง 14.90 จุด(-0.08%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.52 จุด เพิ่มขึ้น 11.38 จุด(+0.22%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,090.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด(+0.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 93.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 58.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.18 จุด

ด้านตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันระลึกถึงบิดาแห่งการปฏิวัติฟิลิปปินส์

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 พ.ย.58)1,363.13 จุด ลดลง 2.68 จุด(-0.20%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 460.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ย.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 พ.ย.58) ปิดที่ 47.71 อลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 3.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 พ.ย.58)ที่ 10.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.90/92 แนวโน้มระยะสั้นยังอ่อนค่าจากคาดเฟดเล็งขึ้นดอกเบี้ย
  • อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จะเปลี่ยนจากเก็บภาษีตามความจุกระบอกสูบ มาเป็นการเก็บภาษีตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะส่งผลให้การเสียภาษีรถยนต์ใหม่มีทั้งลดลง เท่าเดิม และเพิ่มขึ้น โดยรถยนต์ที่จะต้องเสียภาษีเพิ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถกระบะและรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เฉลี่ย 8,000-2 แสนบาทเศษ
  • รองอธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นพ้องให้กรมทางหลวงพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์ขึ้นมา จากปัจจุบันที่จัดเก็บกิโลเมตรละ 1 บาท ในเส้นทางที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน คือ สาย 7 เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 เส้นทางบางปะอิน-บางพลี
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 59 จะเริ่มเจรจาแบบทวิภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในการเปิดเสรีภาคธนาคารผ่านกำหนดมาตรฐานธนาคารพาณิชย์ในอาเซียน (Qualified ASEAN Banks : QABs) โดยคาดว่าภายในปี 2560 จะสามารถเจรจากับธนาคารกลางของประเทศอาเซียนได้ประมาณ 2-3 ประเทศ
  • "สมคิด" นำเอกชน 20 ราย หารือนายกรัฐมนตรี 3 ธ.ค.นี้ ถกนโยบายประชารัฐ หวังใช้ไตรภาคีหนุนประเทศพัฒนายั่งยืน สั่งพาณิชย์-บีโอไอผลักดันเอกชนไทยสู่อาเซียน ขณะที่ภาคเอกชนมองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดกลางปีหน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KTC(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 122 บาท คาด ROE สูงและมีกำไรเติบโตในปี FY16-17F มองดำเนินกลยุทธ์ถูกต้องและน่าจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในธุรกิจบัตรเครดิตภายใน 2 ปี แม้ราคาหุ้นปรับลดลงมากว่า 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตามภาวะตลาด เป็นจังหวะเหมาะลงทุน โดยแนวโน้มธุรกิจในปี FY16 ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจบัตรเครดิตเป็น 15% ทั้งด้านยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและยอดสินเชื่อภายในสองปีข้างหน้าจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 10.5% และ 12.5% ตามลำดับ โดยเชื่อว่าขณะนี้เป็นจังหวะที่ดีในการชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งที่ลดการทำตลาดสำหรับธุรกิจบัตรเครดิตช่วงที่การบริโภคชะลอตัว
  • BDMS(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 24 บาท คาดโรงพยาบาลที่จะเข้ามาใหม่จะสามารถคืนทุนที่ระดับ EBITDA ในปีหน้า โดย BDMS คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 12-13% ในปี 2016 ซึ่งเท่ากับที่เราคาดการณ์ไว้
  • ASEFA(ยูโอบี เคย์เฮียน)ได้ประโยชน์จากการเติบโตของกำไรและรายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3-4 ปีนี้ และได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ส่วนกำไรปีหน้ามีแนวโน้มโต ไม่ต่ำกว่า 20% yoy โดยจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและมีแรงหนุนจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงประมาณ 200 ล้านบาท และงาน government data center ในระยะยาวอีกด้วย
  • HFT(เคทีบี)ปี 58 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยกำไรสุทธิงวด 9M58 อยู่ที่ 313.80 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิปี 57 ทั้งปีที่ทำได้ 290.77 ล้านบาท คาดว่าปัจจัยหลักหนุนผลประกอบการปีนี้ได้แก่ ราคายางปรับตัวลดลง จากความกังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยและบาทอ่อน จึงมีแนวโน้มว่าเงินปันผลของปีนี้น่าจะสูงกว่าปี 57 ที่จ่าย 0.15 บาท/หุ้น บวกกับในปี 59 เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อยอดขายของบริษัทฯให้เติบโตขึ้น
  • AOT(เคทีบี)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 350 บาท จากภาพรวมการท่องเที่ยวคงสดใสในระยะยาว คาดงวดปี 59(ต.ค.58-ก.ย.59)กำไรเติบโตแข็งแกร่งและดีกว่าคาดจากการขยาย Capacity สนามบิน ได้แก่ ดอนเมืองเปิด Terminal 2 ธ.ค.58 ทำให้สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากเดิม 18.5 ล้านคน/ปี เป็น 30 ล้านคน/ปี (ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน/ปี) โดยคาดว่าจะทำให้จำนวนผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมืองในงบการเงินงวดปี 59 จะเติบโตขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่า 20%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ