“บลจ.ธนชาต มองว่าการออกมาตรการแก้ปัญหาของธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะหนีไม่พ้นการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แต่จะออกเมื่อใดคงต้องรอดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน เพราะพิจารณาในเชิงสัดส่วนหนี้ของรัฐบาลแล้ว พบว่าสูงถึง 242% ทำให้รัฐไม่มีความคล่องตัวในการออกมาตรการกระตุ้นต่างๆ ดังนั้นจึงต้องหวังพึ่งบริษัทเอกชนให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่า"นายบุญชัย กล่าว
นายบุญชัย กล่าวว่า สำหรับกองทุนเปิดธนชาต All Star Japan 1 (T-AllStarJapan1) ไม่ใช่กองทุน Trigger Fund แต่เป็นกองทุนปิดอายุ 1 ปี โดยมีลักษณะเป็นกองทุนผสมสามารถรอจังหวะลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ ทยอยคืนผลตอบแทน (Auto Redeem) ให้ผู้ลงทุนสูงสุด 4 ครั้ง โดยผลตอบแทนรวมหลังปิดกองทุนสามารถทำผลตอบแทนโดยรวมได้ประมาณ 13% (NAV ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 คือ 11.3266 บาท) โดยผู้ลงทุนสามารถสั่งขายคืนหน่วยลงทุนได้แล้ววันนี้
และหากผู้ลงทุนยังเชื่อมั่นในตลาดญี่ปุ่น บลจ.ธนชาต ขอแนะนำกองทุนเปิดธนชาตเจแปน อิควิตี้ (T-JapanEQ) ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Japanese Opportunities ที่ได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar ให้เป็นกองทุน 5 ดาว เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมากว่า 2 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2558 จนถึง 24 พฤศจิกายน 2558) สามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 6.2% เทียบกับดัชนี TOPIX ที่ทำได้เพียง 4.58% เท่านั้น