(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งแคบ ไร้ปัจจัยหนุน,FAA ลดชั้นมาตรฐานการบินของไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 2, 2015 09:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงอยู่ในลักษณะเงียบๆ ดัชนีฯคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่เป็น positive ขณะที่ก็มีปัจจัยลบจากกรณีที่สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา(FAA)ประกาศลดระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยจาก CAT1 เป็น CAT 2 อาจมีผลต่อการตรวจสอบของสำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป(EASA)ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้าด้วย และอาจมีผลกระทบค่อนข้างมากต่อธุรกิจการบิน

นอกจากนี้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการประชุม ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ช่วงนี้นักลงทุนคงจะยังไม่ต้องการลงทุนมาก

สำหรับแรงหนุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)นั้น นายเกษม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน ก.ค.ที่ตลาดฯปรับตัวลงมากก็ได้ซื้อไปบางส่วนแล้ว และที่ผ่านมาในเดือน พ.ย.ก็ซื้อเพิ่มอีกบ้าง จึงมองว่า Fund อาจไม่ทุ่มซื้อหมดในเดือนนี้(ธ.ค.) เพราะต้นปีหน้าก็จะมี LTF บางส่วนครบกำหนดไถ่ถอน

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยต่างรอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)วันที่ 3 ธ.ค.นี้ คาดว่ายังคงใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)แต่จะมีเพิ่มหรือไม่ต้องติดตามดู

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,350-1,365 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(1 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,888.35 จุด พุ่งขึ้น 168.43 จุด(+0.95%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,156.31 จุด เพิ่มขึ้น 47.64 จุด(+0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.63 จุด เพิ่มขึ้น 22.22 จุด(+1.07%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 54.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 90.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.72 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.16 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(1 ธ.ค.58)1,357.01 จุด ลดลง 2.69 จุด(-0.20%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 320.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(1 ธ.ค.58) ปิดที่ 41.85 อลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(1 ธ.ค.58)ที่ 8.40 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.75 แข็งค่าหลังตัวเลขศก.สหรัฐกดดอลล์อ่อน แนวโน้มแกว่งแคบ
  • FAA ประกาศทางการลดอันดับมาตรฐานด้านการบินของประเทศไทย จากCategory 1 เป็น Category 2 เผยแม้ไทยไม่มีสายการบินทำการบินเข้าอเมริกา แต่กระทบภาพลักษณ์ตอกย้ำปมปัญหาการบินยังแก้ไม่จบ ด้านการบินไทย แจงไม่มีผลกระทบ ใช้โค้ดแชร์พันธมิตรส่งต่อผู้โดยสาร
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการลงทุนคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน 20 โครงการ มูลค่าลงทุน 1.79 ล้านล้านบาท เป็นเงินจากงบประมาณ 8.4 หมื่นล้านบาท เงินกู้กว่า 1.26 ล้านล้านบาท
  • นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พิจารณาเพิ่มเงินสกุลหยวนของจีนเข้าเป็น 1 ใน 5 เงินสกุลหลักของโลกที่จะประกอบขึ้นมาเป็น SDR (Special Drawing Rights) ของไอเอ็มเอฟ ในเดือน ต.ค.59 ว่า จะส่งผลดีต่อการค้าของไทย
  • บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมหารือคลังเร่งแก้กฎหมายค้ำประกันเช่าซื้อรถยนต์และหนี้ทางการค้า หวังช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึง สินเชื่อ ช่วยลดปัญหาขาดเงินหมุนเวียน ตั้งเป้าปี'59 ค้ำประกันสินเชื่อ 1 แสน พร้อมสนองนโยบายรัฐเร่งออกแบบการค้ำประกันช่วยเอสเอ็มอี 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายรัฐบาล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TACC(บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์)เทรดวันนี้วันแรก กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารบนกระดานตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI) ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 4.25 บาท (PE 25 เท่า)จากราคาขาย IPO ที่ 2.88 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 50% Y-Y และโตต่อเนื่องเฉลี่ย 23.5% ในปี 2016-18

จุดเด่นของ TACC คือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชา กาแฟ ประเภทโถกดที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ 7-11 ซึ่งมีสาขากว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศและจะขยายอีกปีละไม่ต่ำกว่า 600 แห่ง เป็นช่องทางให้ TACC กระจายสินค้าและสร้างการเติบโตต่อเนื่อง และ TACC ยังมีแผนลงทุนในเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ ตั้งเป้ากระจายไปยังร้านสะดวกซื้อให้ครบ 1,500 เครื่องภายในปี 2017 ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ในอนาคต

  • SCB(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 166 บาท มองภาพเศรษฐกิจปีหน้าเป็นบวกมากกว่าปีนี้ แต่โดยรวมยังอ่อนแอ คาด GDP ปีหน้าโตเพียง 2.5% ปัจจัยขับเคลื่อนมีเพียงการลงทุนภาครัฐ ทำให้ธนาคารยังดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวังโดยตั้งเป้าสินเชื่อโต 4-6% (เราคาด +5%) NIM 3.1-3.3% (เราคาด 3.14%) NPL ต่ำกว่า 3% (เราคาด 2.9%) สำหรับกำไรสุทธิ 4Q15 เราคาดฟื้นกลับสู่ระดับปกติ +33% Q-Q และคาดปีหน้าโต 5% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น 2016PE เพียง 9 เท่าและ PBV เพียง 1.3 เท่า
  • CPALL (ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 55 บาท คาดยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ระดับเฉลี่ย 17-18% ต่อปี) โดยการขยายสาขายังทำได้ดีในต่างจังหวัด การปรับ Product Mixed และบริหารต้นทุนช่วยหนุนให้มาร์จิ้นขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อย แต่ด้วยมูลค่าขายที่ใหญ่มากถึง 3 แสนกว่าล้านบาทต่อปี แม้ว่ามาร์จิ้นเพิ่มเพียงเล็กน้อยแต่จะสร้างผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมคาด 4Q15 จะเติบโตดีขึ้น QoQ และเติบโตแกร่ง YoY

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ