GBS ให้กรอบ SET สัปดาห์หน้า 1,220–1,230 ชูหุ้นวางระบบสื่อสารรับมติครม. 2 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 21, 2016 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนธันวาคม 2558 ว่าอยู่ที่ระดับ 87.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.8 ในเดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ ที่ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 พร้อมทั้งการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงครบทุกหมู่บ้าน รวมถึงเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านตลาดต่างประเทศ ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเม็ดเงิน 6 แสนล้านหยวน (9.1 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาดการเงินผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) โดยเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่ 1.55 แสนล้านหยวน รวมถึงประกาศให้ธนาคารต่างชาติกันสำรองเงินฝากสกุลเงินหยวนในจีนอีกด้วย

อย่างไรตาม ก็ยังมีปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) จีนที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 25 ปี โดย GDP ปี 2558 ขยายตัว 6.9%และในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ต่ำกว่าคาดจากที่ขยายตัว 6.8% รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมขยายตัว 5.9% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2557 แต่ชะลอตัวลงจากเดือนพฤศจิกายน 2558 นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดเศรษฐกิจโลกปี 2559 ขยายตัว 3.4% (ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.2%) เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2559 และ 2560 จะเพิ่มขึ้น 2.6% (ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.2%) และเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 6.3% ในปี 2559 และ 6% ในปี 2560 และปัจจัยจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงทำสถิติต่ำสุดใหม่ต่อเนื่องจากความกังวล เรื่องอุปทานล้นตลาด การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และการแข็งค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ กดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่มีมาร์เก็ตแคปสูง และกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย

ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังจากตัวเลข GDP ปี 58 ที่เติบโต 6.9% เป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 25 ปี รวมถึงราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรงหลุด 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นแรงกดดันหลักต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้

ดังนั้น คาดว่า SET ในสัปดาห์หน้าจะอ่อนตัวลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ Low เดิม บริเวณ 1,220– 1,230 จุด ซึ่งมองว่าเป็นโซนทยอยซื้อสะสม เพื่อรอการประกาศผลการดำเนินงานและปันผลปี 2558 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุนได้แก่ กลุ่มที่คาดว่างบปี 2558 และ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 เติบโตขึ้น แนะนำ EPG DCC QTC FSMART KCE TVT GL BEAUTY BRR EA SYNEX SMPC ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันปรับตัวลง แนะนำ AOT BA AAV กลุ่มส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอาหารได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าล่าสุด และ กลุ่มวางระบบ ICT แนะนำ SAMTEL ILINK INET AIT MFEC ซึ่งได้ประโยชน์จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงครบทุกหมู่บ้าน รวมถึงวางระบบเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับขึ้นแรงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจากแรงซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและจีนหลังการเปิดเผยตัวเลขข้อมูลทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศออกมาย่ำแย่ โดยสหรัฐเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลงในเดือนธ.ค.ตัวเลขยอดค้าปลีกลดลงในเดือนธ.ค.และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ส่วนจีนเผยยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนธ.ค.ปรับลดลงจากเดือนพ.ย.ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในช่วงขาลง โดยล่าสุดโอเปกออกมาเผยว่าผลผลิตน้ำมันดิบของโอเปกยังคงอยู่ในระดับสูงในเดือนธ.ค.2558 ซึ่งมากกว่าอุปสงค์น้ำมัน และการที่ประเทศอิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้งหลังการประกาศยุติมาตรการคว่ำบาตรจะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศที่ส่งออกน้ำมันซึ่งล่าสุดเวเนซุเอลาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิค ราคาทองพักตัวออกข้างหลังการฟื้นตัวขึ้นแรงจากเส้นแนวรับขาขึ้นและแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่เป็นแนวรับสอดคล้องกัน โดยการพักตัวยังมีแนวรับเส้น 5 วันรองรับอยู่ และแนวโน้มขึ้นหลักที่ยังคงอยู่ รวมถึงค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวกจะทำให้ราคาแนวโน้มพักตัวเพื่อขึ้นต่อตามแนวขึ้นเดิมที่ยังแกว่งตัวอยู่ในรูปแบบ ROUNDING BOTTOM โดยให้แนวรับ 1,065-1,060 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,110 -1,115 เหรียญต่อทรอยออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ