SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,306.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด (+0.71%) มูลค่าการซื้อขาย 40,034.87 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ดันดัชนีปิดเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งสอดคล้องตลาดภูมิภาค ขานรับคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ชะลอขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าเอเชีย รวมถึงไทย ตลาดยังรอการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐคืนนี้จะเป็นปัจจัยบ่งชี้ภาพรวมของตลาดหุ้นต้นสัปดาห์หน้า ให้แนวต้าน 1,320 จุด และแนวรับ 1,290 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,306.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด (+0.71) มูลค่าการซื้อขาย 40,034.87 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีปรับขึ้นทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,307.95 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,300.24 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 566 หลักทรัพย์ ลดลง 397 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 325 หลักทรัพย์
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแข็งแกร่งสอดคล้องกับตลาดภูมิภาคหลังได้รับปัจจัยหนุนความกังวลของนักลงทุนต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดคลี่คลายลง หลังธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ทำให้เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ประกอบกับ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ในสหรัฐฯปรับตัวลง ทำให้เป็นปัจจัยหนุนเม็ดเงินไหลเข้า (fund flow) ในระยะสั้น สะท้อนมายังตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นอย่างโดดเด่น
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังไม่ได้กดดันตลาดมากนัก แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) แต่หลังจากกลุ่มธนาคารประกาศผลประกอบการปี 58 ออกมาแล้วไม่ได้สร้างความประหลาดใจในทางที่ไม่ดี (bad surprise) ทำให้คาดว่าผลประกอบการของ บจ.ที่เหลือก็ไม่น่าจะเป็นเชิงลบมากนัก อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน และทิศทางค่าเงินหยวน
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในวันจันทร์หน้า ซึ่งเป็นวันตรุษจีน หลายตลาดหุ้นภูมิภาคหยุดทำการ อาจจะทำให้วอลุ่มเบาบางลง แต่ทิศทางภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนี ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ในคืนนี้จะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยหากตัวเลขเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งตามที่ตลาดคาดก็คงไม่มีผลมากนัก แต่หากออกมาต่ำกว่านั้นก็จะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงอีก และเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงไทยด้วย ให้แนวต้านที่ระดับ 1,320 จุด และแนวรับที่ 1,290 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,578.93 ล้านบาท ปิดที่ 165.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,799.83 ล้านบาท ปิดที่ 132.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,765.15 ล้านบาท ปิดที่ 42.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,564.12 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,435.16 ล้านบาท ปิดที่ 242.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท