(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดสหรัฐฯ แต่คาดเงินไหลเข้า-เก็งปันผลช่วยพยุง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 8, 2016 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้นี้ปรับลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ปิดปรับตัวลงในวันศุกร์ หลังประเมินข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯแสดงให้เห็นภาพรวมด้านแรงงานยังไม่ชัดเจน ท่ามกลางราคาน้ำมันที่อ่อนแรง ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน รวมถึงเม็ดเงินไหลเข้า (fund flow) ที่มีเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน รวมถึงแรงเก็งกำไรการประกาศผลประกอบการงวดปี 58 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และการจ่ายเงินปันผลน่าจะช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก โดยมองแนวรับบริเวณ 1,294-1,290 จุด และแนวต้านที่ 1,313 และ 1,320 จุด

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะย่อตัวลงมาก่อน จากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่อยู่ในภาวะอ่อนตัวทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ปิดทำการเมื่อวันศุกร์ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐแสดงให้เห็นถึงภาพรวมที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การที่หลายตลาดในภูมิภาคเอเชียหยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน และค่าเงินในภูมิภาคเอเชียที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงการที่มี fund flow ไหลเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิเข้ามาเมื่อวันศุกร์นั้น ทำให้คาดว่าการย่อตัวของดัชนีคงอยู่ในกรอบไม่มากนัก รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากการทยอยประกาศผลประกอบการปี 58 ของบริษัทจดทะเบียน และการจ่ายเงินปันผลที่จะตามมาทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะอยู่ในกรอบไม่กว้างมาก

โดยมองแนวรับบริเวณ 1,294-1,290 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,313 และ 1,320 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,204.97 จุด จุด ร่วงลง 211.61 จุด (-1.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,363.14 จุด ลดลง 146.42 จุด (-3.25%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,880.05 จุด ลดลง 35.40 จุด (-1.85%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ทั้งตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ มีเพียงตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เปิดทำการ โดยดัชนี NIKKEI 225 เปิดวันนี้ ลดลง 198.68 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.พ.59) 1,306.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด (+0.71%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 956.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ก.พ.59) ปิดที่ 30.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 83 เซนต์ หรือ 2.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.พ.59) ที่ 6.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • บาทเปิด 35.53 คาดแกว่งแคบหลังหลายตลาดในเอเซียหยุดตรุษจีน
  • แบงก์ชาติเผยผู้ประกอบการห่วงอุปสงค์ในประเทศชะลอหลังเร่งใช้จ่ายไปก่อนหน้านี้ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับลดลงเดือนแรกของปีนี้ มองความต้องการตลาดในประเทศต่ำ เป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าความเชื่อมั่นกระเตื้อง คาดแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจออกมาดีในระยะต่อไป
  • บลจ.ตื่นรับมือมติบอร์ดซีพี ออลล์ เมินเสียงค้านปลดกรรมการไร้ธรรมาภิบาล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น "สยามแม็คโคร" เตรียมประชุมบอร์ดการลงทุนวันนี้ เพื่อกำหนดท่าที ระบุการตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ผู้ถือหน่วยเป็นสำคัญ ด้าน "สมาคมบลจ." เตรียมหารือสมาชิก 18 ก.พ.นี้ "ปรับแผนลงทุน" หุ้น "ซีพี ออลล์-เครือซีพี"
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีชาวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 3.40 แสนคน เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 22.0 เมื่อเทีบกับช่วงเดียวกันของปี ซึ่งจะช่วยหนุนให้ช่วงไตรมาส 1 ปี 2559 มีชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวน 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่เติบโตร้อยละ 93.3 โดยปลายทางยอดฮิตอันดับ 1 น่าจะยังคงเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่
  • ธปท.เผยว่าการเคลื่อนไหวของเงินบาทนับตั้งแต่ต้นปี ความผันผวนของค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นจากประมาณ 3.2% เป็น 4.8% โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินริงกิตมาเลเซียค่าความผันผวนเพิ่มจากประมาณ 9% เป็น 13% และเหรียญสิงโปร์ จาก 5.1% เป็น 8.7%
  • คลังเผยราคาน้ำมันต่ำกว่า 20 เหรียญ/บาร์เรล กระทบรายได้รัฐมากกว่าใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้นอีเพย์เมนต์เพิ่มฐานผู้เสียภาษีอีกกว่า 1 หมื่นราย ช่วยเพิ่มรายได้รัฐและเอกชนประหยัดเงินกว่า 2 แสนล้านบาท
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าทีมนำรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้งบริษัทยานยนต์และชิ้นส่วน และภาคเอกชนที่เป็นเป้าหมายเดินทางไปพบปะและชักจูงนักลงทุนเกาหลี ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.นี้ เพื่อร่วมปฏิรูปและพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตของไทยอีก 5-10 ปี โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
  • อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ยอดการเปิดกิจการใหม่ในเดือนม.ค. 2559 มีจำนวน 282 โรงงาน ลดลง 13.49% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่มูลค่าการลงทุนมีมูลค่า 17,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.45% เมื่อเทียบกับปีก่อน จ้างงาน 6,937 คน เพิ่มขึ้น 9.74% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
*หุ้นเด่นวันนี้
  • BJC (บล.เคทีบีฯ) โดยมองประเด็นที่น่าสนใจคือ TCC Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ BJC เพิ่งสรุปเรื่องการซื้อหุ้น BIGC ในไทย จากกลุ่ม Casino โดย BJC ซึ่งมีแผนขยายธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต จากก่อนหน้านี้ BJC หันมารุกธุรกิจ Cloud โดยเปิดธุรกิจบริการ Cloud และบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2559 โตขึ้น 10% ซึ่งยังไม่รวมการทำธุรกิจร่วมกัน หลังจาก TCCH ผู้ถือหุ้นใหญ่ BJC ได้ซื้อเมโทร เวียดนาม เรียบร้อยแล้วเมื่อ ม.ค. 59 จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะฟื้นตัวจากปีก่อน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคได้ชัดเจนใน Q1/59 ขณะที่ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 32.00 บาท
  • BIGC (บล.เออีซี) แนะ"ถือ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 210 บาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ Casino Group ตกลงขายหุ้น BIGC ที่ถืออยู่ 58.56% ของทุนชำระแล้วให้แก่ TCC Group ของเสี่ยเจริญด้วยมูลค่า 1.22 แสนล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 252.88 บาท สูงกว่าราคาปิดวันศุกร์ 11.4% อย่างไรก็ดีหลังเปิดตลาดเช้านี้คาดราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้นมาสะท้อนราคาเสนอซื้อแล้ว จึงคงแนะนำเพียง ถือ เพื่อรอการทำ Tender Offer ของ TCC Group ที่จะต้องเข้าเสนอซื้อหุ้น BIGC ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นที่ราคาเดียวกัน
  • CPALL(บล.ธนชาต) ให้ราคาเป้าหมายที่ 52 บาท โดยมองว่าปัญหาธรรมาภิบาล (CG) ที่ยังค้างคาอาจส่งผลกระทบต่อการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ในเดือน ต.ค.นี้ ปรับ SSS เหลือ 3% ต่อปี แต่กำไรยังเติบโต 23-22% ในปี 59-60
  • ADVANC (บล.บัวหลวง) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 180 บาท โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 เพิ่มขึ้นอีก 3% มาอยู่ที่ 3.05 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อน EBITDA margin ของปี 2559 ที่เพิ่มสูงขึ้น จาก 33% ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33.8% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงจากประมาณการเดิม รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 6% มาอยู่ที่ 180 บาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังสูงน่าจูงใจถึง 6.2% ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิปี 2559 ของ ADVANC จะมีแนวโน้มลดลงอย่างมากก็ตาม และการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี 2559

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ