(เพิ่มเติม) บล.ฟินันเซียฯ มอง SET Index ปีนี้มีสิทธิพุ่ง 1,500 จุด กำไร บจ.โต 20-30%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 9, 2016 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.ฟินันเซียไซรัส (FSS) ประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) สิ้นปี 59 มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นไปที่ 1,500 จุด รับแรงหนุนจาการลงทุนภาครัฐที่จะสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน ขณะที่คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้จะเติบโตราว 20-30% เป็นการเติบโตจากฐานต่ำในปีก่อน

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า ดัชนี SET ในสิ้นปี 59 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,500 จุด ณ ระดับ P/E ที่ 16 เท่า ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ได้นั้นจะต้องมาจากความชัดเจนในการลงทุนโครงการต่างๆของภาครัฐจะต้องออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน ที่จะมีการลงทุนตามมา ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตมากขึ้น

สำหรับการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในช่วงระยะสั้นมองว่าปัจจัยต่างประเทศที่สร้างความผันผวนแก่ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม มีแนวโน้มผ่อนคลายลงจากค่าเงินหยวนและค่าเงินดอลล่าร์ฮ่องกงเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่นักลงทุนควรจับตาในช่วงนี้ คือ ภาวะเศรษฐกิจของจีน รวมถึงภาวะความผันผวนราคาน้ำมันดิบที่มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างมากในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนต่อไปอีก และอาจจะส่งผลให้กลุ่มพลังงานมีโอกาสกลับมาเป็นปัจจัยกดดัน SET Index อีกครั้ง

ส่วนปัจจัยเชิงบวกนั้น มองว่ากลุ่ม Domestic plays ที่มีผลกำไรเติบโตกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ จะส่งผลในเชิงบวกทำให้สามารถพยุงดัชนีต่อไปได้ รวมถึงกลุ่มธนาคาร (BANK) และกลุ่มสื่อสาร (ICT) ซึ่งยังคง Underperform และ Laggard น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญส่งให้ดัชนีสามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยในเดือนนี้ได้ นอกจากนี้หุ้นของกลุ่มธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกำไรเติบโตค่อนข้างดี และมีค่า P/E Ratio ที่ยังต่ำอยู่ ยังเป็นปัจจัยบวกสำหรับนักลงทุน

ทั้งนี้ สถิติการซื้อขายของเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า SET Index มีการเติบโตในอัตราเฉลี่ย +3% M-M และคาดว่า SET Index น่าจะมีโอกาสบวกเฉลี่ย 3% ได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์นี้

“คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ มีโอกาสสูงที่ SET Index จะปรับตัวเป็นไปตามสถิติในอดีต เพราะในปัจจุบันค่าเงินหยวนและค่าเงินในเอเชีย เริ่มมีเสภียรภาพมากขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำมันยังสามารถปรับลงได้อีก เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ให้ความหวังในเรื่องการลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิต รวมถึงราคาหุ้นของกลุ่มพลังงานในระยะหลังไม่ค่อยมีการตอบสนองกับราคาน้ำมันมากเหมือนในอดีต" นายกัณฑรา กล่าว

ด้านอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS GROWTH) ในปีนี้ประเมินว่าจะเติบโตได้ 20-30% โดยเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยกลุ่มที่มีการเติบโตที่โดดเด่นในปีนี้เป็นกลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล และรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของนักท่องเที่ยว และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ถ้าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น แนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรออกมา หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงให้ทยอยเข้าซื้อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ