(แก้ไข) ก.ล.ต.อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้น IPO"เจตาแบค"240 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรด mai มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 10, 2016 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจท์เม้นท์ จำกัด"APM" ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท เจตาแบค จำกัด(มหาชน)"GTB" ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2558 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เจตาแบค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดช่วงเวลาการเสนอขายหุ้น IPO กลางเดือนมีนาคม และกำหนดวันเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอภายในเดือนมีนาคม ทั้งนี้ ในวันที่ 2 มีนาคม 2559 บริษัทจะนำเสนอข้อมูลหลักทรัพย์แก่นักลงทุนกรุงเทพมหานคร ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นจังหวัดสุดท้ายจากทั้งหมด 10 จังหวัดตามแผนของบริษัท

ทั้งนี้ บมจ.เจตาแบค ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.เพื่อขอเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 240,000,000 หุ้นคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท

บมจ.เจตาแบค ถือเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ(Steam Boiler) ระบบเผาไหม้(Combustion Engineering) งานวิศวกรรมพลังงานความร้อน(Thermal Energy Engineering) อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และงานบริการเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำที่มีมาตรฐานและได้ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ปากีสถาน บังคลาเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั้งหมดประมาณ 500 รายทั่วโลก ขณะเดียวกัน บริษัทยังผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำให้กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำที่มีชื่อเสียงในประเทศเยอรมนี เบลเยียม และญี่ปุ่น ในแบบ OEM และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำรวมถึงอุปกรณ์ประกอบต่างๆ จากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพและความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์นั้นๆอีกด้วย

สำหรับสินค้าของ GTB ที่ผลิตและจำหน่ายสามารถใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมยาและเคมี อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่น อุตสาหกรรมโรงแรมและโรงพยาบาล รวมไปถึงอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้ บริษัทยังมีทีมวิศวกรและช่างผู้ชำนาญงานโดยเฉพาะที่พร้อมจะบริการการซ่อมบำรุงแบบครบวงจร

“จากที่ ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน GTB เรียบร้อยแล้ว APM จะร่วม GTB และบล.ฟินันเซีย ไซรัส กำหนดเสนอขายหุ้น IPO ช่วงกลางเดือนมีนาคม และเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอภายในเดือนมีนาคม โดยจากการโรดโชว์ไปแล้ว 8 จังหวัดนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก ด้วยการเห็นถึงศักยภาพในการเติบโต ประกอบกับเชื่อมั่นในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและทีมงานที่มีมายาวนานกว่า 32 ปี ทำให้มั่นใจว่าเมื่อนำหุ้น IPO ของ GTB ออกเสนอขายจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยยังเหลือโรดโชว์ที่หาดใหญ่วันที่ 11 ก.พ. และกรุงเทพวันที่ 2 มี.ค.เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน" นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้านนายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GTB ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ(Steam Boiler) ระบบเผาไหม้(Combustion Engineering) งานวิศวกรรมพลังงานความร้อน(Thermal Energy Engineering) อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และงานบริการเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำ กล่าวว่า บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่จากการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น และช่วยให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อต่อยอดโอกาสจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศได้มากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะประเทศในแถบ AEC ประเทศจีน และเอเชียใต้ที่ยังมีความต้องการจำนวนมากแล้ว และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการขยายโอกาสในอนาคตรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในระยะยาว ตอกย้ำความเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำชั้นนำของประเทศ

“การที่บริษัทสามารถระดมทุนโดยการออกหุ้นสามัญเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพและส่งเสริมให้บริษัทมีโอกาสในการเติบโตมากขึ้น ด้วยระยะเวลาที่สั้นลง จากที่สามารถขยายกำลังการผลิตตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างมีศักยภาพตามเป้าหมาย และช่วยให้สามารถแข่งขันในต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง"นายสุชาติ กล่าว

สำหรับในปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตตามแผนงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งนี้ ในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 962.29 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% ขณะที่ในปี2559บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน(AEC) อาทิ ประเทศเมียนมาร์ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว ประเทศมาเลเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศปากีสถาน ประเทศบังคลาเทศ ที่บริษัทได้วางแผนขยายโอกาสและการเติบโตไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ