(เพิ่มเติม) CPALL ตั้งงบลงทุนปีนี้ 9.5 พัน-1 หมื่น ลบ./ยื่นไฟลิ่งรอขาย PO หุ้น MAKRO,ย้ำยกระดับธรรมาภิบาล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 21, 2016 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพีออล์ (CPALL) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน จำนวน 9.5 พันล้านบาท-1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นใช้ขยายสาขาเพิ่มอีก 700 แห่ง วงเงิน 3.0-3.2 พันล้านบาท ปรับปรุงสาขาเดิมวงเงิน 1.3-1.4 พันล้านบาท ลงทุนในบริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4.3-4.4 พันล้านบาท และลงทุนสินทรัพย์ถาวรและระบบไอที จำนวน 900-1,000 ล้านบาท

ณ สิ้นปี 58 CPALL มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 จำนวน 8,832 สาขา

ขณะที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้น CPALL วันนี้อนุมัติขยายวงเงินออกหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและชำระคืนหนี้เงินกู้

ด้านนายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์ กรรมการ CPALL กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขายหุ้น บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) ให้ผู้สนใจ โดยปัจจุบัน CPALL ถืออยู่ 97% และต้องการลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือไม่ต่ำกว่า 50% เพียงแต่รอจังหวะให้ภาวะตลาดเอื้อต่อการเสนอขาย โดยเมื่อปลายปี 58 บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้น MAKRO ให้กับนักลงทุนทั่วไป (PO) ไว้แล้ว

"หุ้น MAKRO เราขายแน่นอน เพียงแต่รอระยะเวลา รอราคา เราไม่ได้ตั้งใจจะถือ 97% แต่จะถือแค่มากกว่า 50% แต่ช่วง 51-97% ขายถ้ามีจังหวะดี มีคนสนใจ ขายแล้วหนี้ CPALL ลดลง บริษัทมีกำไรก็จะขายแน่นอน ซึ่งยื่นไฟลิ่งไปแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้รอตลาดเอื้อ"นายอำรุง กล่าว

ขณะที่นายก่อศักด์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร CPALL ให้โอกาสการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันนี้กล่าวว่า ขอถือโอกาสขอโทษทุกท่านที่สำนักงาน ก.ล.ต.ลงโทษที่กระทบชื่อเสียงบริษัท ความเชื่อมั่นต่อบริษัท ยังยืนยันที่จะยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลสูงสุด และให้ความสำคัญอย่างมาก พอๆกับการตระหนักถึงการสร้างผลประกอบการให้บริษัท

"ผมน้อมรับคำตัดสินของสำนักงาน ก.ล.ต. และยังมุ่งมั่นทำงานในบริษัทให้ดีที่สุดภายใต้หลักธรรมาภิบาลของบริษัทเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาดังเดิม"นายก่อศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง กล่าวว่า ปัญหาธรรมาภิบาลมีผลกระทบต่อราคาหุ้น CPALL ที่ผ่านมา หุ้นได้รับผลกระทบของการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศที่จำเป็นต้องขายหุ้น CPALL โดยก่อนเกิดปัญหา ราคาหุ้นเคลื่อนไหว 50 บาท จากนั้นปรับตัวลงต่ำสุด 38 บาท และปัจจุบันปรับขึ้นมา 45 บาท ขณะที่ผู้ถือหุ้นบางรายได้เสนอให้ผู้บริหารที่กระทำผิดเว้นวรรคการปฏิบัติงานใน CPALL

อย่างไรก็ตาม นายอำรุง ในฐานะกรรมการบรรษัทภิบาล อธิบายว่า บริษัทเลือกที่จะมองอนาคตว่าเป็นบทเรียนที่มีคุณค่า ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก และกติกาของสำนังาน ก.ล.ต.ก็กำหนดว่าเมื่อมีกรณีเปรียบเทียบปรับแล้วก็ยังคงมีคุณสมบัติเป็นผู้บริหารต่อไปได้ เพียงแต่ไม่เป็นที่พึงพอใจของนักลงทุนสถาบันต่างๆ

และ นายอำรุง ยังชี้แจงต่อที่ประชุมว่า หลังจากเกิดกรณีที่ผู้บริหารใช้ข้อมูลภายในเข้าซื้อหุ้น MAKRO บริษัทได้รายงานการยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัท ซึ่งคณะกรรมการได้คำนึงถึงทุกประเด็นทุกหัวข้อที่เป็นข้อกังวล แต่บริษัทนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วโดยยึดถึอผลประโยชน์ต่อองค์กรและผู้ถือหุ้น ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทุจริต แต่เกิดจากความผิดพลาดของผู้บริหาร และผู้ผิดพลาดยอมรับโทษไปแล้ว

"หากมองในอนาคตธุรกิจ จำเป็นต้องนึกถึงภาพโดยรวมมากกว่า บอร์ดจึงให้น้ำหนักกับการดำเนินธุรกิจในอนาคตมากกว่าที่จะนึกถึงความผิดพลาดโดยไม่เจตนาของผู้บริหารบางท่าน และวัฒธรรมของซีพี ให้โอกาสและปกป้องคนดี คนเก่งต่อไป และเมือพูดถึง คุณธรรมและจริยธรรม โดยเฉพาะการให้โอกาส และการให้อภัย เป็นการซื้อใจผู้บริหารที่ทุ่มเทให้กับ CPALL มากกว่าซ้ำเติมความผิดพลาด"นายอำรุง กล่าว

ในวันนี้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ CPALL ยังส่งสารชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นว่า ขอขอบคุณนักลงทุน ผู้แทนของนักลงทุนและสมาคมนักลงทุนที่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้บริษัทและตนเองในฐานะประธานกรรมการ CPALL และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างธรรมภิบาลของบริษัทให้เข้มแข็งและเป็นสากลยิ่งขึ้น

"ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความคิดเห็นในฐานะประธานบริษัท ผมเชื่อว่า ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ได้ผิดพลาดไปโดยไม่เจตนา เนื่องจากไม่เข้าใจกฎเกณฑ์อย่างแจ้งชัด พวกเขาเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับเหตุผลที่ผมมีความเห็นสอดคล้องกับคณะกรรมการบริษัทที่ยังคงไว้วางใจให้พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เป็นเพราะพวกเขายังคงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. หลังจากถูกเปรียบเทียบปรับแล้ว กอปรกับตลอดระยะเวลา 52 ปี ที่ผมได้ร่วมก่อร่างสร้างเครือฯรวมถึง ซีพีออลล์ โดยผู้บริหารเหล่านี้เป็นผู้ร่วมงาน...หลักที่ผมยึดถือมาโดยตลอด คือการปกป้องรักษาและให้โอกาสผู้บริหารและพนักงานที่เป็นคนดี มีความสามารถ พร้อมให้อภัย เมื่อพวกเขาผิดพลาด โดยไม่เจตนาแต่ทั้งนี้ เขาเหล่านั้น ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและไม่กระทำผิดซ้ำ"

นายธนินท์ ยังยืนยันว่า บทเรียนนี้จะถูกนำไปแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อให้องค์กรของเราเป็นองค์กรของเราเป็นองค์กรชั้นนำทางธุรกิจ ได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจ เป็นที่ยอมรับทั้งภายในและต่างประเทศ สามารถเติบโตอย่างแข็งแรง มั่นคง และ ยั่งยืนต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ