"เอเชีย เวลท์"ให้กรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,387-1,433 จุด คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 25, 2016 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวในกรอบกว้างที่ 1,387-1,433 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้หากผลประกอบการสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด และในทางกลับกันอาจปรับลดลดแรงหากตัวเลขออกมาไม่ดี กลยุทธ์การลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดี และหุ้นที่มีเรื่องราวชัดเจน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และปัจจัยทาง Technical สนับสนุน

สัปดาห์นี้ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่กว้างนัก โดยจุดสนใจจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันอังคารและพุธนี้คาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย.ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะปรับขึ้น

พร้อมติดตามประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันพุธและพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าครั้งนี้หรือหลังจากนี้อาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอีกและจัดการกับการแข็งค่าของเงินเยนโดยที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยตรง ในเวลานี้นายกรัฐมนตรีอาเบะ กำลังเตรียมจะออกมาตรการทางการคลังรอบใหม่ซึ่งจะรวมการตั้งงบประมาณพิเศษเพื่อฟื้นฟูประเทศและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว

ส่วนปัจจัยในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.59 ในวันที่ 29 เม.ย.59 ส่วนระหว่างสัปดาห์ ต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะของประเทศสหรัฐซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและของไทย

ที่ผ่านมาตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯไตรมาส 1/59 ไม่ดีนักและเป็นไปตามที่ตลาดคาด มีผลฉุดตลาดหุ้น Wall street และตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลง ซึ่งหากตัวเลขสัปดาห์นี้ออกมาดีมากจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับเหนือ 40 USD/บาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลงกว่านี้ จะกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน

ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทย กลุ่มธนาคารออกมาตามคาด ต้องติดตามบริษัทอื่นๆ ที่เหลือ

สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ซึ่งคาดว่า จะสามารถแสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1/59 บริษัทได้รายงานผลประกอบการที่ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% QoQ และ 10.6% YoY ซึ่งการเติบโตนี้มาจากทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยที่พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลโต 9% และ 15% YoY ตามลำดับ บริษัทเชื่อว่าการเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากการออกแคมเปญด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม KTC ยังคงยืนยันเป้าการเติบโตกำไรแบบทรงตัวในปี 59 เนื่องจากบริษัทมีความตั้งใจที่จะขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในการใช้จ่ายบัตรเครดิตรวมทั้งพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคล การดำเนินการดังกล่าวบ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะปฏิรูปองค์กรในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงขั้นตอนภายในบริษัทและพัฒนาด้านบุคลากร ดังนั้น บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่ากำไรปี 59 จะเติบโต 0.2% YoY สอดคล้องกับที่ผู้บริหารคาด ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 24.2% YoY ในปี 60 ถึงแม้ว่าแผนต่าง ๆ ของบริษัทเหล่านี้ จะส่งผลกระทบด้านกำไรในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่าแผนทั้งหมดถูกกำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ในระยะยาว

ด้านรูปแบบราคา หรือ Price Pattern ของ KTC ยังคงมีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง สัญญาณซื้อรายวัน และรายสัปดาห์ แต่ยังคงโดนกดดันจากการเกิดสัญญาณขายรายเดือนอยู่ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KTC ที่สามารถปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 89.25 บาทไปได้นั้น ทำให้คาดว่า Price Pattern ของ KTC น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 92.75 บาท และเป้าหมายสำคัญที่ 96 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ของ KTC รอบนี้อยู่ที่ 85.50 บาท

ทั้งนี้ บล.เอเชีย เวลท์ ให้ราคาเป้าหมายของ KTC ตามปัจจัยพื้นฐานที่ 110 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันประมาณ 25%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ