นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าจะตั้งสำรองในปีนี้ระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีมาก และแนวโน้มของหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) บางไตรมาสอาจจะเพิ่มมากขึ้น โดยธนาคารจะมีการตั้งสำรองรายเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 1 พันล้านบาท/เดือน
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมาถือว่าปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากมาอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท จากไตรมาส 4/58 อยู่ในระดับ 7.8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ สวนทางกับปีก่อนที่ NPL มาจากเอสเอ็มอีและรายย่อยมากกว่า สะท้อนถึงในบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะพยายามควบคุมระดับ NPL ให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงที่ผ่านมาอาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารในปีนี้บ้าง แต่ธนาคารจะพยายามมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนที่สูง โดยจะเน้นเจาะกลุ่มสินเชื่อขนาดกลางและสินเชื่อขนาดเล็ก อีกทั้งจะควบคุมและบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาระดับการทำกำไรไม่ให้ต่ำกับปีก่อน
"แม้ว่าธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ดอกเบี้ยของธนาคารจะมาจาก 2 ขา คือ ฝั่งเงินฝากและฝั่งสินเชื่อ ซึ่งปีนี้จะเราโฟกัสฝั่งสินเชื่อที่ให้ Yield ที่ค่อนข้างสูง โดยจะเน้นเจาะกลุ่มกลางและเล็ก และส่วนหนึ่งจะต้องคอยควบคุมต้นทุนมากขึ้น"นายวรภัค กล่าว
นายวรภัค กล่าวอีกว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปีนี้เติบโต 3-4% โดยปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นการลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้แนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งปีหลังมีโอกาสขยายตัวมากกว่าครึ่งปีแรก