LALIN มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% ตามเป้า หลังมี Backlog 950 ลบ. รับรู้รายได้ทั้งหมดปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 16, 2016 15:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) มั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 2,400 ล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อน หลังมียอดขายใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้กว่า 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 950 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรก บริษัททยอยเปิดโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป และยังเตรียมที่จะเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการในไตรมาส 2-3 ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีนี้บริษัทจะสามารถเปิดโครงการใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับให้บริษัทมีการขยายตัวอย่างมั่นคงต่อไป

"ด้วยแผนงานที่รัดกุม และสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้บริษัทมีการเติบโตที่ดีมั่นคงมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลงานในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เติบโตดีขึ้นอย่างมาก ขณะที่ไตรมาสที่สอง บริษัทมีแผนงานที่ดีมารองรับแล้ว จึงมั่นใจว่าจะขยายตัวได้เช่นเดียวกัน และทั้งปีเราจะมียอดรับรู้ได้รายได้แตะ 2,400 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้"นายไชยยันต์ กล่าว

นายไชยยันต์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 59 เติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง มียอดรับรู้รายได้ที่ 582 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 63% และกำไรสุทธิแตะระดับ 103.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 125%

แม้ภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก แต่ก็เป็นไปตามที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้า โดยบริษัทได้มีการวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จึงทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังมีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทั้งต้นทุนการก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ตลอดจนค่าใช้จ่ายทางด้านการเงิน ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนผลการกำไรให้เติบโต

บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่ดีมาอย่างยาวนานมากกว่าสิบปี โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/59 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่เพียงแค่ 0.70 เท่า ต่ำกว่าอุตสาหกรรมซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 1.5 เท่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมากโดยไม่มีปัญหาของแหล่งเงินทุน รวมถึงความสามารถทางด้านการจ่ายเงินปันผลที่แข็งแกร่งของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ