นายสมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขั้นตอนของการเสนอเพิ่มมาตรการลงโทษทางแพ่ง (Civil sanction) ที่จะใช้กับการกระทำอันไม่เป็นธรรมของบริษัทจดทะเบียนไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ (สนช.)
ทั้งนี้ มาตรการลงโทษทางแพ่ง จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในชั้นรวบรวมพยานหลักฐาน โดย ก.ล.ต.จะทำเฉพาะมาตรการลงโทษทางแพ่ง ซึ่งจะใช้ในกรณีที่การกระทำผิดไม่รุนแรง หรือมีบทลงโทษในการเปรียบเทียบปรับเท่านั้น เช่น ในกรณีการสร้างราคาหรือปั่นหุ้น และการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) ขณะที่ DSI จะทำหน้าที่ในส่วนของคดีอาญา ซึ่งจะมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น เช่น การกล่าวโทษ และแบล็คลิส การกระทำผิดของบุคคลนั้นต่อไป
นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้กระทำผิดเกิดความเกรงกลัวในบทลงโทษมากขึ้น เนื่องจากระยะเวลาในการดำเนินคดีที่มีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันปัญหาและข้อจำกัดในการกำกับดูแลและบังคับใช้ของ ก.ล.ต.พึ่งพาการลงโทษทางอาญาเท่านั้น ผ่านหน่วยงาน ใช้เวลานาน และซ้ำซ้อนกัน
สำหรับการทบทวนการกำกับดูแลในเรื่องของการขึ้นแบล็คลิสต์ในตัวผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไทย ก.ล.ต.คาดนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในเดือนก.ค.59 ซึ่งจะมีการเพิ่มมาตรการ เช่น ห้ามซื้อ-ขายหุ้น เป็นต้น อีกทั้งทบทวนถึงระยะเวลาของการแบล็คลิสต์ ให้มีความสมเหตุสมผลมากขึ้น จากเดิมมีระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี