CPF ชูมาตรฐาน"ไส้กรอกปลอดภัย"ขยายไลน์ผลิตอีก 60 ตัน/วัน ปลายปีนี้-เพิ่มอาหารสำเร็จรูป

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 27, 2016 16:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการสายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาธุรกิจไส้กรอกของซีพีเอฟมีการเติบโต 5-6% ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับเดียวกันกับตลาดรวม ซึ่งจากยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจและเตรียมเปิดเดินเครื่องโรงงงานผลิตไส้กรอกแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิต 60 ตัน/วันที่จังหวัดนครราชสีมาในราวปลายปีนี้ เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 โรงงานในกรุงเทพและสระบุรี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตไส้กรอกจากทั้ง 3 โรงงานรวม 100,000 ตัน/ปี

สำหรับไส้กรอกซีพีเอฟเป็นไส้กรอกที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานความปลอดภัยและรสชาติ โดยสร้างสรรค์สูตรใหม่ๆ ภายใต้การควบคุมของนักวิทยาศาสตร์การอาหารที่ต้องคำนึงถึงทั้งรสชาติและความปลอดภัย รวมไปถึงการสรรหาเทคโนโลยีทางอาหารที่ดีและเหมาะกับการผลิตซึ่ง ซีพีเอฟ ทุ่มเทวิจัยและพัฒนาในด้านนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กระบวนการผลิตไส้กรอกซีพีมีมาตรฐานสูง ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากฟาร์มเลี้ยงสุกรในระบบปิด ให้ความสำคัญกับการใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อการบริโภคตามมาตรฐานของ อย. และมาตรฐานสากล ผ่านกระบวนผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติแบบต่อเนื่องเพื่อลดการสัมผัสมือคน ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิในระดับ 4-12 องศาเซลเซียสตลอดกระบวนการผลิต เมื่อผนวกกับสูตรการผลิตที่คัดสรรแล้ว ส่งผลให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเสมอมา

ส่วนกลุ่มส่วนกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (ready meal) บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะเติบโต 12% จากการขยายตัวของร้านสะดวกซื้อ รวมธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงความนิยมของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังมีแผนขยายธุรกิจด้านอาหารสำเร็จรูปเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งจะประกอบด้วย 1.ซอสสำเร็จรูป เครื่องแกง เครื่องปรุง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปรุงอาหาร ในกลุ่มนี้ได้รับการอนุมัติงบลงทุนแล้วกว่า 700 ล้านบาท โดยจะดำเนินการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้กลางปี 60 ซึ่งจะทำให้ซีพีเอฟสามารถเพิ่มกำลังการผลิตผลิสินค้าในกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว หรือคิดเป็น 3.3 ตัน

2.อาหารมังสวิรัติ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยจะเน้นรสชาติอร่อยถูกปากคนไทย 3.อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ตอบสนองจำนวนผู้สูงอายุที่มีมากขึ้นเนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่สูงขึ้น ทำให้คนอายุยืนยาวขึ้น และสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ลักษณะอาหารจะเคี้ยวง่าย ย่อยง่าย เหมาะสมกับอวัยวะภายในของผู้สูงวัย และ 4.อาหารสำหรับผู้ป่วย ซึ่งจะมีลักษณะข้น รสจืด กลืนง่าย และไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการสำลัก

นายสุขวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสองกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และที่สำคัญ อาหารสำเร็จรูปทุกเมนูของซีพีเอฟถูกพัฒนาโดยนักวิชาการอาหารและนักโภชนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยจะมีคณะแพทย์เข้ามากำกับดูแลควบคู่ไปด้วย ทำให้ทุกคนสามารถบริโภคได้อย่างมั่นใจทั้งความปลอดภัยในอาหารและคุณค่าทางโภชนา โดยอาหารสำเร็จรูปเหล่านี้จะออกสู่ตลาดในราวกลางปี 60


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ