PTG มั่นใจกำไรทั้งปีดีกว่าปีก่อนที่ 650 ลบ.หลังค่าการตลาดปรับดีขึ้น-ปริมาณขายโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 30, 2016 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 650.72 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยทั้งปีใกล้เคียงไตรมาส 1/59 ที่ 2.16% เนื่องจากในปีนี้ค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้น หลังปริมาณการขายเพิ่มขึ้นแต่ค่าใช้จ่ายยังคงที่

ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเป้าหมายปริมาณการขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30-40% จากปีก่อนมีปริมาณการขายอยู่ที่ 2,237 ล้านลิตร เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ และสาขาที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงความเชื่อถือในแบรนด์ของบริษัทฯมีมากขึ้นด้วย ทำให้ปริมาณการขายในปีนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยปีนี้บริษัทฯยังงบลงทุนทั้งปีที่ 4,500 ล้านบาท ใช้ในการขยายสถานีบริน้ำมันการทั้งหมด 300 แห่ง และสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 50 แห่ง รวมถึงการขยายสถานีบริการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลอีก 25-30 แห่ง

"ปีนี้ค่าการตลาดขึ้นมาที่ระดับ 1.7-1.8 บาท/ลิตร จากปีก่อนอยู่ที่ 1.6-1.7 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น และบริษัทฯได้มีการบริหารจัดการในเรื่องต้นทุน และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีนี้เรามั่นใจว่ากำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนแน่นอน"นายพิทักษ์ กล่าว

นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ non-oil เพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ภายในระยะเวลา 5 ปี (59-63) โดยบริษัทฯได้เปิดร้านอาหารแบรนด์ดังอย่าง KFC ในสถานีบริการนำมัน PT โดยได้เปิดสาขาแรกไปแล้วที่ถนนกาญจนาภิเษก และมีแผนเปิดอีก 3 แห่ง รวมถึงการสนับสนุน SMEs คนไทยให้เข้ามาดำเนินกิจการในสถานีบริการ ช่วยส่งเสริมรายได้ของร้านสะดวกซื้อ Max Mart และร้านกาแฟพันธุ์ไทย ให้มีการเติบโต ส่วนโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ในปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคลัง และเตรียมการในส่วนของฐานรากในแต่ละกระบวนการ รวมไปถึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน ซึ่งคาดว่าทั้งโครงการจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 60

ทั้งนี้ คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนโครงการลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะ กำลังการผลิตไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตในพื้นที่ภาคใต้ ภายในช่วงปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งพันธมิตรที่จะเข้าร่วมลงทุนนั้นมีใบอนุญาตขายไฟฟ้า (PPA) อยู่ในมือแล้ว โดยมูลค่าโครงการอยู่ที่ราว 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯจะลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ราว 250 ล้านบาท

สำหรับโครงการลงทุนผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาเครื่องมือที่มันสมัยที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนภายในไตรมาส 2/59 นี้

นายพิทักษ์ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/59 ว่า ปริมาณการขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีนี้ด้วย โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ยอดสมาชิกบัตร MAX Card ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สถานีบริการที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงควมเชื่อถือต่อแบรนด์ PT ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ