(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 0.16 จุด แกว่งกรอบแคบรอติดตามตัวเลขศก.สหรัฐฯ,พบวอลุ่มทะลักก่อนปิดตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 31, 2016 18:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,424.28 จุด เพิ่มขึ้น 0.16 จุด (+0.01%) มูลค่าการซื้อขาย 67,210.28 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบสลับกัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,428.29 จุด และดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,420.19 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 561 หลักทรัพย์ ลดลง 577 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 331 หลักทรัพย์

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งแดนบวกและแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูความชัดเจนของโอกาสในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนมิถุนายนจะมีโอกาสปรับขึ้นหรือไม่ โดยจะต้องพิจารณา 2 ปัจจัยในสหรัฐฯ ได้แก่ การประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ และการประกาศตัวเลขการว่างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ตลาดยังรอดูปัจจัยของจีนประกอบการลงทุน คือ การประกาศตัวเลข PMI ของจีนในวันพรุ่งนี้

"ตอนนี้ตลาดรอดูปัจจัย 2 อย่าง คือ ตัวเลข PMI ของสหรัฐฯ และตัวเลขการว่างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่เป็นองค์ประกอบไปสู่การพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ภาพยังไม่ชัด ทำให้ดัชนีในช่วงนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ซึ่งรวมไปถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียด้วย"นายศราวุธ กล่าว

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่าดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบเช่นเดียวกับวันนี้ เนื่องจากนักลงุทนต่างรอดูปัจจัยที่ส่งผลไปสู่การพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยต้องติดตาม ได้แก่ การประกาศตัวเลข PMI ของสหรัฐฯและจีน

"ช่วงนี้ภาพของตลาดหุ้นก็น่าจะแกว่งในกรอบแคบ ๆ อยู่ แต่ถ้าปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯออกมาชัดเจนแล้ว และตัวเลขที่เป็นองค์ประกอบนั้นออกมาดี ก็มีแนวโน้มที่ตลาดจะเชื่อว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อตลาด"นายศราวุธ กล่าว

พร้อมให้แนวต้าน 1,433 จุด แนวรับ 1,422 จุด

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า มูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ช่วงท้ายตลาดวันนี้เพิ่มเข้ามามากอย่างผิดปกติจนเห็นได้ชัด โดยพบว่ามาจากโบรกเกอร์ที่มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ เช่น UBS TISCO CLSA ส่งคำสั่งซื้อขายเข้ามามากช่วงก่อนปิดตลาดไม่กี่นาที จนผลักดันให้วอลุ่มรวมของตลาดฯสูงไปถึงกว่า 6 หมื่นล้าบาท ซึ่งขณะนี้แรงซื้อ-ขายของต่างชาติส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย และในช่วงนี้ฝั่งต่างชาติเป็นฝั่งซื้อมากกว่าขาย

ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์รายหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตว่า วอลุ่มช่วงท้ายตลาดเข้ามาอย่างผิดปกติในหุ้นบางตัว เช่น MINT, ROBINS, TMB, EGCO เป็นต้น โดยบางตัวมีวอลุ่มเข้ามาก่อนปิดตลาดสูงถึง 50% ของวอลุ่มรวมในหุ้นตัวนั้นๆ ทั้งวันนี้

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,908.16 ล้านบาท ปิดที่ 49.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,171.59 ล้านบาท ปิดที่ 301.00 บาท ลดลง 9.00 บาท

EGCO มูลค่าการซื้อขาย 2,937.30 ล้านบาท ปิดที่ 186.50 บาท ลดลง 1.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,811.23 ล้านบาท ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง 2.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,788.24 ล้านบาท ปิดที่ 396.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ