AKR หวังได้งาน EPC โซลาร์ฟาร์มสหกรณ์หนุนรายได้ปีนี้โต 25%-กำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 10, 2016 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดนุชา น้อยใจบุญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโต 25% มาที่ 2.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าราว 2 พันล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากธุรกิจหลักจากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าราว 2 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะทรงตัวจากปีก่อนเพราะไม่มีงานภาครัฐออกมาในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีเพียงงานภาคเอกชนเท่านั้น

แต่ปีนี้บริษัทหวังได้งานจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเภทโซลาร์ฟาร์มราว 10 เมกะวัตต์ (MW) ก็จะสร้างรายได้ในปีนี้อีกราว 500 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาอยู่หลายรายในกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกให้ทำโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ภาคการเกษตร ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านั้นจะต้องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 30 ธ.ค.59 ก็จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิปีนี้ทำได้สูงกว่าปีก่อนด้วย

แต่หากไม่ได้รับงาน EPC เข้ามาก็คาดว่าทั้งรายได้และกำไรอาจใกล้เคียงปีก่อนที่รายได้รวม 2.1 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 94.6 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทยังเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 20-25%

"สำหรับงาน EPC สิ้นเดือนนี้น่าจะสรุปและรู้ผล เพราะถ้าผู้ประกอบการล่าช้าอาจทำไม่ทัน เราหวังได้งาน EPC ราว 500 ล้านบาท...ถ้าได้งานตามที่ประมาณการ คือได้งาน EPC กำไรก็จะสูงกว่าปีก่อน แต่ถ้าไม่ได้รายได้และกำไรคงใกล้เคียงปีก่อนเพราะตลาดหม้อแปลงน้อยลง เพราะการชะลอของงานภาครัฐ ไม่ใช่เราหางานไม่ได้ แต่ในตลาดไม่มีออกมา"นายดนุชา กล่าว

นายดนุชา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มรายได้ไตรมาส 2/59 คาดว่าจะไม่มากกว่างวดเดียวกันปีก่อน แต่อาจจะใกล้เคียงไตรมาส 1/59 ที่รายได้ 365 ล้านบาท เพราะยังไม่มีงานภาครัฐออกมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ยังมีการส่งมอบงานให้ภาครัฐ อย่างไรก็ตามหวังว่าครึ่งปีหลังน่าจะมีงานของการไฟฟ้าฯและงานเอกชนออกมา อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูการขายของตลาดหม้อแปลง ก็จะทำให้รายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งหลังปีนี้สูงกว่าครึ่งปีแรกด้วย

โดยเบื้องต้นคาดว่าในเดือนก.ค.59 จะมีงานภาครัฐทยอยออกมา โดยเฉพาะงานประมูลภายใต้งบประมาณของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมมูลค่า 2.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าได้รับงานขั้นต่ำ 10-15% ของปริมาณงานทั้งหมด จะช่วยหนุนให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ราว 300 ล้านบาท และจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ขณะที่หากได้งานการไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งก็ต้องส่งมอบงานและรับรู้รายได้ปีนี้เช่นกัน

นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการขายแผงโซลาร์เซลล์ที่บริษัทผลิตและจำหน่าย ให้กับผู้ที่ได้รับคัดเลือกในโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ภาคการเกษตรด้วย ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศ 5 ราย ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้งานส่วนนี้ราว 100 ล้านบาท

ส่วนการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับสหกรณ์ภาคการเกษตร ที่บริษัทเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก 1 โครงการ จำนวน 3.35 เมกะวัตต์นั้น ก็มั่นใจว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จและ COD ได้ตามกำหนดภายในวันที่ 30 ธ.ค.59 แน่นอน และจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/60 เป็นต้นไป ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท/ปี

"เราได้ 3.35 MW ที่บางบัวทอง ขณะนี้ยังไม่ได้ก่อสร้าง เพราะรอเรื่องของแผงโซลาร์ โดยเราลงทุน 200 ล้านบาท ส่วนหนึ่งก็จะขอสินเชื่อ"นายดนุชา กล่าว

นายดนุชา กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนที่จะเข้าร่วมยื่นเสนอขายไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าด้วย

อนึ่ง เมื่อเดือนเม.ย. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดินส่วนราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 1 จำนวน 67 รายกำลังการผลิตรวม 281.32 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตรทั้งหมด หลังจากนั้น กกพ. เตรียมที่จะออกประกาศรับซื้อระยะที่ 2 อีกว่า 500 เมกะวัตต์ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะแบ่งเป็นโควตาของหน่วยงานราชการ 400 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือเป็นโควตาของสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อให้การรับซื้อทั้งโครงการฯมีกำลังการผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ตามเป้าหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ