BTS ปรับลดนโยบายจ่ายปันผลหลังเปลี่ยนเป็น Growth stock,เตรียมพร้อมประมูลรถไฟฟ้า 5 สาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 10, 2016 18:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินปันผลในงวดผลประกอบการปี 59/60 ลดลงเป็น 50% ของกำไรสุทธิ จากเดิมกำหนดไว้ 80% ของกำไรสุทธิ เพื่อการปรับเปลี่ยนภาพของหุ้น BTS เป็น Growth Stock จากเดิมที่เป็น Dividence Stock

นอกจากนั้น ยังเป็นไปตามนโยบายที่บริษัทเคยกำหนดไว้เมื่อครั้งจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ที่การันตีจ่ายเงินปันผลสูงในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งงวดผลการดำเนินงานปี 58/59 นับเป็นปีที่ 3 พอดี

ขณะที่บริษัทเตรียมเดินหน้าการประมูลรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง ได้แก่ สายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) สายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) และสายสีทอง (สะพานตากสิน-ไอคอนสยาม) ซึ่งปัจจุบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูล

ทั้งนี้ เบื้องต้นในเร็ว ๆ นี้บริษัทมองว่ามีโอกาสชนะการประมูลสายชมพู (แคราย – มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) ที่คาดว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยทั้ง 2 สายมีมูลค่าลงทุนโครงการละ 5 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลจะเป็นคนลงทุนเองโครงการละ 2 หมื่นล้านบาท และส่วนที่เหลือเอกชนที่ชนะประมูลจะเป็นผู้ลงทุน หรือราวโครงการละ 3 หมื่นล้านบาท ดังนั้น หากบริษัทชนะประมูลรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายก็คงจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด 6 หมื่นล้านบาท

บริษัทเตรียมทางเลือกสำหรับแหล่งเงินลงทุนดังกล่าว โดยอาจจะมาจากเงินสดในมือที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.6 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน การออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศ โดยบริษัทมีวงเงินหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นราว 3 หมื่นล้านบาท

รวมทั้งบริษัทอาจจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุน BTSGIF เพิ่มเติม หากมีความต้องการใช้เงินในจำนวนมากเพื่อรองรับการลงทุนอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามการลงทุนในรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายดังกล่าว เป็นการทยอยจ่ายเงินลงทุน 4-5 ปี เฉลี่ยปีละ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้ภาระต้นทุนไม่ได้สูงมากในปีใดปีหนึ่ง

สำหรับรถไฟฟ้าอีก 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) คาดว่าจะเปิดประมุลได้ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า สายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) และสายสีทอง (สะพานตากสิน-ไอคอนสยาม) คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยบริษัทสนใจที่เข้าร่วมประมูลงานโยธาสายสีส้ม ส่วนสายสีเทาและสีทอง บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลงานให้บริการเดินรถ

นายสุรยุทธ กล่าวถึงการเซ็นสัญญาการให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกับกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะเซ็นในช่วงไตรมาส 3/59 โดยสัญญาฉบับใหม่จะแป็นไปในทิศทางเดียวกับสัญญาเดิม และบริษัทจะสามารถขยายเส้นทางการให้บริการเดินรถได้ และส่งผลไปถึงรายได้ค่าบริการเดินรถภายใน 3-4 ปีข้างหน้าเติบโตตามไปด้วย หากโครงการส่วนต่อขยายเปิดให้บริการทั้งหมดแล้ว

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 59/60 (เม.ย. 59-มี.ค. 60) บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.08 หมื่นล้านบาท โดยมาจากจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 5-6% รายค่าโดยสารเติบโต 1% หลังจากปีก่อนบริษัทงดการให้ส่วนลดบัตร RABBIT รายได้ค่าให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงเติบโต 3-4% และรายได้ธุรกิจมีเดียเติบโต 50% จากการที่บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) เข้าถือหุ้นในบมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) เป็น 24.95%

ส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและสนามกอล์ฟตั้งเป้าปีนี้ที่ 620 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 590 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทเอง 60 ล้านบาท ส่วนโครงการร่วมทุนกับบมจ.แสนสิริ (SIRI) นั้นในปลายปีนี้จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ สุขุมวิท 71 มูลค่า 2 พันล้านบาท เข้ามาบางส่วน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีการบันทึกกำไรจากโครงการดังกล่าวเข้ามาราว 12% ของมูลค่าโครงการ

บริษัทยังตั้งงบลงทุนรวมในปีนี้ตั้งไว้ที่ 7.6 พันล้านบาทใช้สำหรับการซื้อรถไฟฟ้าใหม่ 4.2 พันล้านบาท ใช้ซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาดครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต 2.7 พันล้านบาท ใช้ลงทุนธุรกิจสื่อ 500 ล้านบาท และลงทุนธุรกิจการให้บริการ 110 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้ลงทุนด้านอื่น ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ